โฆษกสาธารณสุขเผยสาเหตุยะลาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง เพราะใช้มาตรการเชิง "บุก"

โฆษกสาธารณสุขเผยสาเหตุยะลาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง เพราะใช้มาตรการเชิง "บุก"

โฆษกสาธารณสุขเผยสาเหตุยะลาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง เพราะใช้มาตรการเชิง "บุก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (ระดับ 10) นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอธิบายถึงกรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่แบบรวดเดียวจำนวนหลายสิบคนว่าเป็นมาตรการเชิงบุกที่น่าชื่นชม โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

"ยุทธศาสตร์ที่ 2 มาตรการเชิงบุก (Detect & Testing & Tracing & Effective control) ขอชื่นชมแบบอย่างที่ดี จังหวัดยะลา ครับ

รายการช่อง 3 เพิ่งสัมภาษณ์หมอ และออกอากาศ 22.00 น. วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ค. 63 รายการคุณกิตติ สิงหาปัด เรืองกรณีพบผู้ป่วยที่ยะลา หมอขอชื่นชมผลการปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด คุณหมอสงกรานต์ ไหมชุม และทุกๆ ท่าน ที่ปฏิบัติการเชิง “บุก” ตามยุทธศาสตร์ที่ 2 อย่างเข้มข้น และถูกต้องตามหลักวิชาการ “ไม่กลัวตัวเลขผู้ป่วย” ข้อมูลจริงสำคัญมากๆ ครับ นำไปสู่การวางยุทธศาสตร์ มาตรการ และแผนปฏิบัติการที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ

1) การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กินเวลายาวนานหลายเดือน ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รายงานผ่านสื่อทุกแขนงเป็นประจำทุกวัน มีหมายเหตุบางอย่างถึงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

2) พื้นที่ 2 จังหวัดจาก 3 จังหวัด คือ ยะลา กับ ปัตตานี มีจำนวนผู้ติดเชื้อหรือที่เรียกว่า "ผู้ป่วยยืนยัน" สูงติดอันดับ Top 10 ของประเทศ อัตราการป่วยต่อประชากรแสนคนของยะลา อยู่ ~ อันดับที่ 3 ของประเทศ เป็นรองแค่ภูเก็ตกับกรุงเทพฯ เท่านั้น ขณะที่ปัตตานีอยู่อันดับ 5

3) ยะลา มีผู้ป่วยยืนยันมากถึง 121 ราย เป็นหนึ่งในไม่กี่จังหวัดของประเทศที่มียอดผู้ป่วยทะลุ 100 คน จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งหมดของประเทศนับจนถึงขณะนี้ (29 เม.ย.) ยังไม่ถึง 3,000 คน

4) พี่น้องประชาชนคงอยากรู้ ทำไม จ.ยะลา ถึงวิกฤติขนาดนี้

4.1) สาเหตุที่ยะลามีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงกว่าจังหวัดอื่นๆ นอกจากปัจจัยเรื่องการมีกลุ่มเสี่ยงเดินทางกลับจากต่างประเทศจำนวนมากแล้ว ยังสืบเนื่องมาจากความต้องการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาตัดสินใจทำโครงการ active case finding “มาตรการเชิงบุก ตามยุทธศาสตร์ที่ 2” (หมอขอชื่นชม และกราบขอบพระคุณ) ด้วยการลงพื้นที่ X-ray ปูพรมตรวจเชื้อกับเป้าหมายเสี่ยง

4.2) ยอดผู้ติดเชื้อที่สูง เพราะเราทำ active case finding ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทีมสาธารณสุขได้ลงพื้นที่ไปสอบสวนโรคในกลุ่มผู้ป่วย 100 คนจากผู้ป่วยยืนยันในระบบปกติ จากระบบการรักษาปกติ เราไปสอบสวนโรคแล้วปรากฏว่ามีผู้เชื่อมโยงจากผู้สัมผัสในชุมชน และสงสัยว่าจะมีผู้สัมผัสในชุมชน เมื่อนำมาดูปรากฏว่าเราได้เป้าหมายจากผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงกว่า 3,500 กว่าคน เราจึงลงพื้นที่ไล่ตรวจ "เชิงรุก" แบบนี้ซิครับ เชิงบุก ของแท้

4.3) นอกจากนั้นยังมีเรื่องความพร้อมของห้องแล็บในโรงพยาบาลจังหวัดยะลาที่มีการพัฒนาการตรวจได้ 400-500 คนต่อวัน ประกอบกับช่วงที่เริ่มทำโครงการ เป็นช่วงใกล้เข้าสู่เดือนรอมฎอน ผู้ว่าฯ จึงมีนโยบายให้เร่งเข้าไปหากลุ่มเสี่ยง และทำการตรวจเชิงรุกในพื้นที่โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ป่วยมาหาเรา ทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว

5) จากต้น มี.ค.ที่เจอเคสแรกๆ ของจังหวัด มาถึงกลางเดือน เม.ย.ที่มีเคสสูงสุด นำมาสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการตรวจหาเชื้อกับบุคคลกลุ่มเสี่ยง ทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แม้ตัวเลขจะสูงจริง แต่เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว และขณะนี้ตัวเลขก็นิ่งมาหลายวันแล้ว อยู่ที่ 121 ราย

6) มาตรการเชิงบุก (Active case finding) เราไม่ได้ตรวจประชากรทั้งหมด แต่เราตรวจตามเป้าหมาย และจากการทำ จำนวน 3,500 กว่ารายใน 1 สัปดาห์ เราเจอผู้ป่วย 20 คนที่ไม่แสดงอาการ ทำให้ยอดผู้ป่วยรวมอยู่ที่ 121 คนในตอนนี้ และจาก 20 คนนี้เราก็เช็ก timeline ของเขา พบว่าเราจะต้องตรวจเคสเป้าหมายเพิ่มอีก 2,000 คน เพราะผู้ป่วย 20 คนที่พบใหม่นี้เป็นผู้ที่ไม่แสดงอาการ แต่เราเข้าไปตรวจพบ ทำให้สามารถระงับการแพร่เชื้อต่อได้โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ หมอขอยืนยันว่า เป็นการทำงานทึ่ถูกต้อง ที่หลักวิชาการ บริบท และเป็นแบบอย่างทุกพื้นที่ควรทำตาม

7) "หมอชื่นชม และให้กำลังใจ" ในแง่ตัวเลขที่ถูกมองว่าสูง แต่ในฐานะผู้ปฏิบัติงานจริง มองว่าเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว และนับจากนี้สถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับ "ผู้ป่วยไม่แสดงอาการ" ที่พบจากการทำ active case finding ของยะลา ก็สะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวของไวรัสโควิด-19

8) แน่นอน ผมให้กำลังใจคุณหมอสงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา และหมอได้แนะนำยุทธวิธี การจัดการ อธิบาย “โอกาสบวกปลอม และการป้องกัน เช่น เก็บตัวอย่างใหม่ทั้งหมด และส่งอีกห้องปฏิบัติการ”

9) สิ่งสำคัญ มาตรการเชิงบุก ไม่ใช่บุกตรวจสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องมีเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น ผู้สัมผัสใกล้ชิด ผู้มีประวัติเสี่ยง พื้นที่ เวลา บุคคล สถานการณ์ ......

10) หมอชื่นชม กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำได้ดีมาก และต้องเข้มข้นขึ้น “ไม่ต้องกลัวตัวเลข สิ่งสำคัญต้องได้ข้อมูลจริง” ครับ

11) ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ต้องดูยะลาเป็นแบบอย่าง และใช้ยุทธศาสตร์ที่ 2 “มาตรการเชิงบุก” ทำทุกพื้นที่ ทำให้ถูกหลักวิชาการ รอบคอบ ปรับบริบทให้เหมาะกับพื้นที่ และสิ่งสำคัญ “สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีตามธรรมชาติ” วัคซีนของพ่อ วัคชีนตามหลักเศรษฐกิจ และช่วยเหลือ อุทิศตนร่วมแรงร่วมใจ “พลังจิตอาสา” เราทำดีด้วยหัวใจ ช่วยเหลือกันและกัน

#แค่ทำที่ตัวเราให้ดีที่สุด ประชาชนร่วมมือ > 90% เราจะร่วมประกาศชัยชนะโควิด-19 แบบสูญเสียน้อยที่สุด.....ครับ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook