IEA เผย โควิด-19 ทำ “ก๊าซเรือนกระจก” ลดลงกว่า 8%

รายงานล่าสุดของ International Energy Agency (IEA) ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานของโลกมากที่สุดในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกจะลดลง 6 เปอร์เซ็นต์ซึ่งมากกว่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อ 10 ปีก่อนกว่า 7 เท่า ขณะที่ความต้องการใช้ถ่านหินจะลดลง 8 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการลดลงที่มากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

IEA ชี้ว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่น้อยลงจะช่วยลดมลภาวะทางอากาศที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้กว่า 8 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุว่า ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทั่วโลกทุกปีเป็นเวลา 10 ปี เพื่อจำกัดอุณหภูมิของโลกไม่ให้ลดลงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม IEA เตือนว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะย้อนกลับมาเมื่อภาคเศรษฐกิจเปิดทำการอีกครั้ง นอกเสียจาก แต่ละประเทศจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายที่ประกาศใช้ เช่น หากมีการผ่อนปรนมาตรการอยู่บ้านเร็วเกินไป การปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็จะกลับมาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม แม้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะยังมีอยู่ แต่การใช้พลังงานหมุนเวียนก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นในปี 2020 โดย IEA คาดการณ์ว่าทั่วโลกจะใช้พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่า 5 เปอร์เซ็นต์