นักวิจัยจีนพบ “เชื้อไวรัสโคโรนา” แฝงตัวในน้ำอสุจิ
นักวิจัยชาวจีนพบเชื้อไวรัสโคโรนาแฝงตัวอยู่ในน้ำอสุจิของผู้ป่วย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า โรค COVID-19 สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่
นักวิจัยได้ตรวจสอบน้ำอสุจิจากผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 38 คน ที่มีอายุระหว่าง 15 – 59 ปี ในโรงพยาบาล Shangqiu Municipal Hospital มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน และพบสารพันธุกรรมจากเชื้อไวรัสโคโรนาในน้ำอสุจิของผู้ป่วย 6 คน คิดเป็นประมาณ 16% ผู้ป่วย 4 คน ที่มีผลตรวจน้ำอสุจิเป็นบวก มีการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน อีก 2 คน อยู่ในระยะฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่าการติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีบทบาทในการระบาดของโรค COVID-19 หรือไม่
ทีมวิจัยได้ระบุในวารสารทางการแพทย์ JAMA Network Open ว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับการแพร่เชื้อไวรัส ระยะเวลาที่เชื้อมีชีวิต และความเข้มข้นของเชื้อในน้ำอสุจิ หากพิสูจน์ได้ว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ก็จะเป็นข้อมูลที่สำคัญมากต่อการป้องกันโรค โดยเฉพาะเมื่อมีการพบเชื้อในน้ำอสุจิของผู้ป่วยที่ฟื้นตัวแล้ว
ในระยะแรกของการระบาด ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า แม้เชื้อไวรัสโคโรนาจะสามารถแพร่กระจายผ่านการจูบได้ แต่ไม่น่าจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งงานวิจัยชิ้นล่าสุดนี้ก็ไม่ได้ขัดแย้งกับข้อสรุปนี้แต่อย่างใด โดย ดร.สแตนลีย์ เพิร์ลแมน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาไวรัส ภูมิคุ้มกันวิทยา และกุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยไอโอวา กล่าวว่า การที่น้ำอสุจิปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา ไม่ได้หมายความว่าเชื้อไวรัสจะยังมีชีวิตอยู่
“นี่เป็นการค้นพบที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องมีการรับรองว่ามีไวรัสที่แพร่เชื้อได้ ไม่ใช่แค่ผลจากเชื้อไวรัสในน้ำอสุจิ และการตรวจอสุจิอาจจะพบเพียงเศษชิ้นส่วนของอาร์เอ็นเอไวรัสก็ได้” ดร.เพิร์ลแมนกล่าว พร้อมเสริมว่า ไวรัสโคโรนาไม่เหมือนกับไวรัสซิกา ที่ติดต่อทางเลือด แต่ไวรัสโคโรนาจะติดต่อทางปากและจมูกเท่านั้น
นอกจากนี้ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าคนเราสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาทางเพศสัมพันธ์หรือการฉีดอสุจิที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสเข้าสู่โพรงมดลูก การติดต่อขณะมีเพศสัมพันธ์ยังมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าช่องทางปกติอย่างละอองฝอยขนาดเล็กในทางเดินหายใจ
อย่างไรก็ตาม แพทย์บางคนยังพยายามศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาในน้ำอสุจิด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆ ด้วย เช่น หากมีการค้นพบเชื้อไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่ในน้ำอสุจิ ก็อาจได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ทางปากและการสัมผัสน้ำอสุจิด้วย