คำสารภาพโจ๋ทมิฬ!?! กิ๊กวัย15ร่วมฆ่าพ่อเฒ่า แฟนหนุ่ม-แก๊งโหด
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
รัตนชัย จึงชนะ เรื่อง/ภาพ
" ถึงแม้คนร้ายจะให้การปฏิเสธ แต่เราก็มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด และยึดของกลางเอาไว้ได้หลายรายการ ผู้ต้องหาฆ่าเหยื่อเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ และมีเรื่องหึงหวงแอบแฝงอยู่ด้วย ส่วนคนร้ายที่เหลือตำรวจจะได้ติดตามจับกุมตัวต่อไป"
คือคำกล่าวของ พล.ต.ต.เสรี วิไลลักษณ์ ผบก.ภ.จว.สตูล ในการแถลงข่าวจับกุมคนร้ายร่วมกันฆ่า นายดม วงศ์สวัสดิ์ เสี่ยใหญ่วัย 63 ตายสยองคาบ้านพัก ก่อนหอบเอาทรัพย์สินร่วม 5 แสนบาทหลบหนีไป
พวกนี้ลงมืออย่างเย้ยกฎหมาย
เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ มาจากการที่ผู้ตายไปคบหากับกิ๊กสาววัย 15 จึงถูกแฟนของกิ๊กและพรรคพวกวางแผนฆ่าชิงทรัพย์และล้างแค้นเรื่องรักสามเส้า ที่บาดหมางกัน หลังการสังหารกลุ่มคนร้ายได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปนานนับสัปดาห์ ก่อนที่จะไปจนมุมยังแหล่งกบดานที่บ้านพักในจ.กระบี่ ในเวลาต่อมา
หนีไปได้ไม่นานก็ต้องเข้าคุก!?!
นายดมถูกฆ่าตายกลายเป็นศพโผล่ฟ้อง ตอนสายวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา สภาพศพถูกฆ่ารัดคอด้วยเชือกไนลอน ตายบนเตียงนอนห้องแถวเลขที่ 322 ถนนสมันตประดิษฐ์ อ.เมือง จ.สตูล สภาพศพนอนคว่ำหน้า ใบหน้าถูกทุบด้วยของแข็งจนฟันปลอมร่วง ตายทั้งที่ใส่ผ้าขนหนูผืนเดียว เท้าถูกมัดด้วยเสื้ออย่างแน่นหนา คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เสรี วิไลลักษณ์ ผบก.ภ.จว.สตูล พ.ต.อ.วรดี คารวนันท์ รอง ผบก.ภ.จว.สตูล พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.จักรพันธ์ คงแก้ว พงส. (สบ.2) พ.ต.ต.สุหัช ดำน้อย สว.สส. และ ร.ต.ท.อำนาจ เชาเทอรี่ ร้อยเวรฯ นำกำลังรุดมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าสภาพภายในห้องทีวียังเปิดทิ้งไว้ ที่ลิ้นชักหัวเตียงและจุดอื่นๆ ถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย คนร้ายปลดเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และพระหลวงพ่อทวด รุ่นแรก เลี่ยมทอง นาฬิการาโด เรือนทอง เงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการไป
งานนี้สูญทรัพย์ไปร่วม 5 แสนบาท!!?
ผู้การฯ เสรี สั่งชุดคลี่คลายคดีเช็กประวัติผู้ตาย พบว่านายดมมีอาชีพปล่อยกู้เงินและรับจำนำรถมอเตอร์ไซค์รวมทั้งทองคำ ชอบเล่นการพนัน ก่อนเป็นศพเพิ่งกลับมาจากเล่นพนันได้เงินมากว่า 5 หมื่นบาท และที่สำคัญ ผู้ตายยังคบหาอยู่กับ น.ส.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 15 ปี แฟนสาวรุ่นลูก จนเป็นที่รู้กันในหมู่คนใกล้ชิด ซึ่งทั้งคู่มักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ ด้วยปัญหาช่องว่างระหว่างวัย
ตำรวจจึงรวบรวมข้อมูลทุกอย่างเอาไว้
ชุด คลี่คลายยังคงเดินหน้าสืบข้อมูลต่อไป พบว่านอกจากนายดมแล้ว น.ส.เฟิร์นยัง คบหาอยู่กับ นายอนุสินธ์ หรือ "บ่าว" แกล้วทนงค์ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 269 ม.4 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล แฟนหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันด้วย จึงทำให้นายดมกับน.ส.เฟิร์นมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ และที่สำคัญ หลังเกิดเหตุทั้งน.ส.เฟิร์นและนาย อนุสินธ์ ก็หายไปจากพื้นที่เมืองสตูลอย่างน่าสงสัย
เป้าจึงพุ่งไปที่บุคคลทั้งสอง!!?
เหตุการณ์ ผ่านพ้นไปนานร่วมสัปดาห์ ตำรวจสตูลเฝ้าจับตาดูทั้งคู่อย่างไม่กะพริบตา พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับไว้ล่วงหน้า จนกระทั่งในที่สุด สายก็รายงานเข้ามาว่าน.ส.เฟิร์นกับนายอนุสินธ์ได้หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านเลข ที่ 218 ซอยเทศบาล 7 ถนนเพชรเกษม ต.คลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ตำรวจจึงนำกำลังเข้าปิดล้อม
การจับกุมครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปิด ล้อมเอาไว้ถึง 2 หนด้วยกัน หนแรกคนร้ายไหวตัวทัน จึงไม่ยอมเข้าบ้าน จนกระทั่งรุ่งสางของวันที่ 31 ก.ค. ทั้งคู่จึงหวนกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมเอาไว้พร้อมสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาทและพระหลวงพ่อทวดเลี่ยมทองของกลาง
นำตัวทั้งคู่กลับมาสอบปากคำที่โรงพักเมืองสตูล
ใน ชั้นนี้ทั้ง นายอนุสินธ์ กับ น.ส.เฟิร์น ยังคงให้การแบ่งรับแบ่งสู้ โดยนายอนุสินธ์ยอมรับว่าร่วมกันฆ่าจริง แต่คนลงมือสังหารนายดมคือ เพื่อนๆ ของตนทั้ง 3 คน ที่หลบหนีอยู่ คือ นายณฐกร พรหมมณี อายุ 20 ปี นายนพพร แสแลแม อายุ 20 ปี และนายแบงก์ ที่เพิ่งรู้จักกัน
ซึ่งนายอนุสินธ์ เล่าว่า วันนั้นมีการนัดกันเพื่อเคลียร์ปัญหารักสามเส้าที่บ้านหลังเกิดเหตุ จึงชักชวนเพื่อนไป แต่ตนเกิดระงับอารมณ์ไว้ไม่ไหว จึงบุกเข้าไปชกต่อยนายดม เพราะหึงหวงในตัวน.ส.เฟิร์น แต่ไม่ได้เป็นคนฆ่า ส่วนคนลงมือฆ่าคือนายแบงก์ กับพวกที่หลบหนีไป
หลังจากเหยื่อตายจึงช่วยกันปลดทรัพย์ และช่วยกันนำทรัพย์สินของเหยื่อไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน เงินที่ได้นำไปซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้น แหวนทองคำ 1 วง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงตามไปยึดไว้ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า นูโว หมายเลขทะเบียน กธง 267 สตูล สีแดง-ดำ ที่คนร้ายใช้หลบหนีหลังเกิดเหตุ
ทั้งหมดจะใช้เป็นหลักฐานเอาผิด
ส่วน น.ส.เฟิร์น ให้ การว่า อยู่กินกับผู้ตายมาประมาณ 4 เดือน และไม่ได้เป็นคนฆ่า ช่วงที่มีการชกต่อยอย่างชุลมุนนั้น ตนวิ่งออกมาข้างนอกพร้อมนายอนุสินธ์ เห็นนายแบงก์กับพวกไปเอาเชือกจากหลังบ้านมา และเข้าไปในห้องพร้อมรัดคอนายดมจนเสียชีวิต
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายทันที
ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตำรวจตามล่าแล้ว!!
บ่าย วันเดียวกัน ตำรวจเมืองสตูลนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปทำแผนประกอบคำสารภาพที่บ้านเกิดเหตุ โดยมีประชาชนหลายร้อยคนมาดูการทำแผน ซึ่งขณะที่ตำรวจนำนายอนุสินธ์ไปทำแผนนั้น พระพิเชษฐ์ บุตรชายของผู้ตายซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดในจ.สตูล และดูการทำแผนด้วย ได้ตรงเข้าไปจะทำร้ายผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่กันไว้ได้ จึงรีบนำตัวคนร้ายกลับมาโรงพักเพื่อป้อง กันเหตุวุ่นวาย
กฎหมายจะจัดการคนแบบนี้!!?