คุก 2 ปี รังสรรค์ แสงสุข กลั่นแกล้งปลดอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์

คุก 2 ปี รังสรรค์ แสงสุข กลั่นแกล้งปลดอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์

คุก 2 ปี รังสรรค์ แสงสุข กลั่นแกล้งปลดอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่น " รังสรรค์ แสงสุข " อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง - อดีตรองอธิการ ตั้งกรรมการสอบกลั่นแกล้งปลด อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ กล่าวหาลอกงานวิจัยเพื่อเลื่อนขึ้นตำแหน่ง ผศ. ส่วนอดีตคณบดีศึกษาศาสตร์ร่วมสอบ โดน 1 ปี ปรับหมื่นบาท แต่ศาลปรานีเห็นเป็นอาจารย์เคยประกอบคุณงามความดี ให้รอลงอาญา 2 ปี ขณะที่ " ร.ต.ท..จรัญ" อดีตอาจารย์ถูกปลด เผยดีใจได้รับความเป็นธรรม ด้านจำเลยเตรียมอุทธรณ์สู้คดี

ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 6 ส.ค.52 เวลา 13.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2389 /2548 ที่ ร.ต.ท.จรัญ ธานีรัตน์ อดีตอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ศาสตราจารย์ รังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง จำเลยที่ 1 , รศ.เฉลิมพล ศรีหงส์ อดีตรองอธิการบดี ที่ 2 , รศ.ระวิวรรณ ศรีคร้ามครัน อดีตคณบดี คณะศึกษาศาสตร์ ที่ 3 , รศ.วิรัตน์ แดนราช รองอธิการบดี ที่ 4 , รศ.ประสาท สง่าศรี รองอธิการบดี ที่ 5 , นายประชา ประยูรพัฒน์ ผอ.กองการกีฬา ที่ 6 , นางทิพาพัน ศรีวัฒนศิริกุล หัวหน้างานบุคคล ที่ 7 , รศ.วิริยะ เกตุมาโร รองอธิการบดี ที่ 8 , รศ.วัฒน์ บุญกอบ รองอธิการบดี ที่ 9 , รศ.บุเรง ธนพันธุ์ รองอธิการบดี ที่ 10และ รศ. กัลยา ตัณศิริ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ที่ 11 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิมโจทก์เป็นอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ ม.รามคำแหง ได้ทำวิจัยและยื่นผลงานวิจัยกับเอกสารทางวิชาการ เสนอคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย เพื่อประกอบการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผ.ศ.)ระดับ 6 ผ่านทาง รศ.ระวิวรรณ ศรีคร้ามครัน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ให้เสนอต่อไปยังจำเลยที่1 ซึ่งเป็นอธิการบดี โดยการพิจารณาดังกล่าวมีพวกจำเลย เป็นกรรมการกลั่นกรองผลงานของโจทก์ ต่อมามีผู้กล่าวหาว่าโจทก์ลอกเลียนผลงานทางวิชาการจากบุคคลอื่น และได้แต่งตั้ง รศ.วิรัตน์ แดนราช รองอธิการบดี จำเลยที่ 4 เป็นประธานสอบข้อเท็จจริง มี รศ.ประสาท สง่าศรี รองอธิการบดี นายประชา ประยูรพัฒน์ ผอ.กองการกีฬา และ นางทิพาพัน ศรีวัฒนศิริกุล หัวหน้างานบุคคล จำเลยที่ 5- 7 เป็นกรรมการ

สรุปการสอบสวนว่าการกระทำของโจทก์ผิดวินัย จึงมีการตั้ง รศ.วิริยะ เกตุมาโร รองอธิการบดี จำเลยที่ 8 เป็นกรรมการสอบวินัย และมี รศ.วัฒน์ บุญกอบ รองอธิการบดี , รศ.บุเรง ธนพันธุ์ รองอธิการบดี และ รศ. กัลยา ตัณศิริ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จำเลยที่ 9- 11 ร่วมเป็นกรรมการสอบสวน ต่อมากรรมการมีมติให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 3-11 เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์และเอาใจจำเลยที่ 1 จากนั้นโจทก์ ได้ยื่นอุทธรณ์มติดังกล่าวต่ออนุกรรมการ ซึ่งก็เห็นว่าโจทก์มิได้กระทำผิด โจทก์นำมติดังกล่าวไปแจ้งคณะกรรมการชุดใหญ่ แต่กลับเพิกเฉยไม่นำเรื่องเสนอโจทก์กลับเข้ารับราชการทำให้โจทก์เสียหาย

ขณะที่ พวกจำเลย ให้การปฎิเสธว่า พวกจำเลยได้รับร้องเรียนเรื่องดังกล่าว จึงตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอน และรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายไปตามอำนาจหน้าที่และหลักวิชาการ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่สองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนผลงานทางวิชาการ แต่ก็ได้อ้างอิงแหล่งที่มาไว้ท้ายเล่ม ถือว่าไม่มีเจตนาปกปิด การกระทำของศาสตราจารย์ รังสรรค์ อดีตอธิการบดี , รศ.ระวิวรรณ อดีตคณบดี คณะศึกษาศาสตร์ และ รศ.ประสาท รองอธิการบดี จำเลยที่ 1,3และ5 เป็นการเลือกปฎิบัติ ใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นอธิการบดีมานาน ย่อมรู้ว่า เหตุการณ์และข้อเท็จจริงต่าง ๆ จึงฟังได้ว่าเฉพาะจำเลยที่ 1,3 และ 5 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1และ 3 คนละ 2 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 จำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสามเป็นคณาจารย์ เคยประกอบคุณงามความดีมาก่อน โทษจำคุกจึงสมควรให้รอลงอาญาไว้กำหนด 2 ปี

ส่วนรศ.เฉลิมพล อดีตรองอธิการบดี , รศ.วิรัตน์รองอธิการบดี , นายประชา ผอ.กองการกีฬา , นางทิพาพัน หัวหน้างานบุคคล , รศ.วิริยะ รองอธิการบดี , รศ.วัฒน์ รองอธิการบดี , รศ.บุเรง รองอธิการบดี และ รศ. กัลยา อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จำเลยที่2,4,6 - 11 โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่ามีความผิดอย่างไร และไม่มีการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษา ร.ต.ท.จรัญ โจทก์ กล่าวว่า ดีใจที่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตนต้องเสียโอกาสในการลงสมัคร ส.ส.ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อผลคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ตนก็รู้สึกพอใจขณะที่กลุ่มของจำเลย ยืนยันว่า จะขอยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เนื่องจากยังมีความเห็นแย้งกับคำตัดสิรนของศาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook