แม่แจ้งจับลูกชาย ขโมยข้าวไปขายเอาเงินมาซื้อยาบ้า ร่ำไห้ไม่อยากให้ไปทำกับใคร
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องจากภาพวงจรปิดของโรงสีแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่บันทึกภาพขณะที่คนร้ายนำข้าวเปลือกมาขาย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วารินชำราบใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวจับกุม นายริน (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี หลังจากเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลักทรัพย์(ข้าวเปลือก) ที่บ้าน ใน ต.โนนผึ้ง พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ ผกก.สภ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานี จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รองผกก.สส.สภ.วารินชำราบ พร้อมด้วย จนท.ตร.ชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบเบื้องต้น
ผู้เสียหายคือ น.ส.วรัมพร พิมพ์แก้ว และนางดวงใจ พึ่งจิตร ให้ข้อมูลว่ามีคนปีนหน้าต่างข้างบ้านเข้าไปขโมยข้าวเปลือก ของ น.ส.วรัมพรพิมพ์แก้ว ไป 5 กระสอบ และบ้านของนางดวงใจ พึ่งจิตร ซึ่งเป็นน้องสาวที่บ้านอยู่ติดกัน ได้ไป 2 กระสอบซึ่งผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นลูกชายของน.ส.วรัมพร พิมพ์แก้วชื่อ นายริน (นามสมมุติ) อายุ 18 ปีแต่ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันและไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ต่อมา พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รอง ผกก.สส.สภ.วารินชำราบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวนายริน (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ได้พร้อมของกลางเป็นข้าวเปลือก 4 กระสอบและรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน ขณะหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมนา ท้ายหมู่บ้าน ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ ให้การรับสารภาพว่า ได้เข้าไปขโมยข้าวเปลือกที่บ้านน.ส.วรัมพร พิมพ์แก้วซึ่งเป็นแม่ และบ้านของนางดวงใจ พึ่งจิตร ซึ่งเป็นน้า จริงและกำลังจะนำไปขาย โดยก่อนหน้านี้ ได้นำข้าวเปลือกไปขายที่โรงสี จำนวน 2 กระสอบ ได้เงิน 616 บาท นำเงินมาซื้อเหล้าและยาบ้ามาเสพ
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าทางช่องทางที่มิได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า ที่เป็นของมีอาชีพกสิกรรมบรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธ์ สัตว์หรือเครื่องมืออันมีไว้ประกอบกสิกรรม หรือได้มาจากการกสิกรรมนั้นหรือรับของโจร
ด้าน น.ส.วรัมพร พิมพ์แก้ว ได้เดินทางมาดูลูกชายที่ สภ.วารินชำราบ ขณะที่ลูกชายก้มลงกราบเท้าขอโทษพร้อมร้องไห้ กล่าวกับลูกว่า จะโกรธจะแค้นแม่ก็ไม่เป็นไรแต่แม่คิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ปล่อยลูกไปสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่น แม่ไม่ต้องมานอนคิดว่าลูกจะไปทำอะไรที่ไหนกับใคร แม่ไม่ต้องมาถามว่าลูกอยู่ไหน อย่างน้อยแม่ก็รู้ว่าลูกอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ แม่อยากให้ลูกกินอิ่มนอนหลับ มีคนให้ความรู้มันอาจจะทำให้ลูกดีขึ้นกว่านี้ก็ได้
“ลูกอยากได้อะไรแม่ก็หาให้ แม่ไม่มีแม่ก็ไปหาหยิบยืมคนอื่นไปหายืมเงินดอกเบี้ยก็ไปยืมให้ เพราะว่าเป็นลูกจะดีจะชั่วแม่ก็ทิ้งลูกไม่ได้ แม่ไม่มีแม่ก็หาให้ยายตายก็นึกว่าลูกจะคิดได้ลูกก็ยังไม่คิดขนาดข้าวเปลือกของแม่ของพ่อลูกยังกล้าทำแล้วของคนอื่นล่ะมันไม่ใช่เรื่องยากที่ลูกจะทำแม่ไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนถึงอย่างไรลูกก็เป็นลูกแม่” ผู้เป็นแม่กล่าว