ฮือฮา! ช้างเชียงใหม่ไถนา โชว์นักท่องเที่ยว
ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงบ้านนาเกียน อ.อมก๋อย ร่วมกิจกรรมช้างไถนาที่แปลงนาข้าวอินทรีย์ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อยืนยันว่าใช้ช้างไถนามาหลายชั่วอายุคน โดยจ.เชียงใหม่ จัดขึ้นหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว
วันนี้( 8 ส.ค.) นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.ชต.) และอดีตนายอำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ เดินทางมาที่แปลงนาข้าวอินทรีย์ บ้านแสนดอย หมู่บ้านในฝัน ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานในพิธีใช้ช้างไถนา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง ด้วยการนำช้าง 8 เชือกมาไถนา ท่ามกลางแขกผู้มีเกียติ อาทิ นายฮาเกิน เอ.เว. เดียร์คเซิน กงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันนี ประจำจังหวัดเชียงใหม่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแอลลี่ พร้อมนายอำเภอ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งประชาชนที่เดินทางมาชมการใช้ช้างไถนา ซึ่งเป็นประเพณีที่คนเมืองและนักท่องเที่ยวพบเห็นไม่บ่อยนัก นอกจากในพื้นที่ อ.อมก๋อย ที่ยังมีการใช้แรงงานช้างไถนา
นายพระนายกล่าวว่า กิจกรรมช้างไถนามีมานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ค่อยมีคนทราบ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกระเหรี่ยงที่บ้านนาเกียน หมู่ 3 ต.นาเกียน อ.อมก๋อย ใช้ช้างไถนามาหลายชั่วอายุคน และตัว อ.อมก๋อยอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 179 กม. ขณะที่บ้านนาเกียนแม้จะอยู่ห่างตัวอำเภอเพียง 39 กม. แต่ใช้ระยะเวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง ด้วยความทุรกันดารของหนทาง จึงยึดอาชีพเกษตรกรรมทำนาดำแบบขั้นบันได และปลูกพืชไร่เพื่อเลี้ยงชีพ ด้วยข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นที่ลาดเชิงเขา มีหินปะปนอยู่มาก ทำให้การไถนาด้วยควายทำงานได้น้อยและเหนื่อยง่าย จึงจับช้างที่เลี้ยงไว้มาไถนา เพราะช้างแข็งแรงกว่าวัว ควาย สามารถไถนาได้พื้นที่มากกว่าในระยะเวลาเท่ากัน โดย 1 แรงช้าง เท่ากับ 4 แรงวัว/ควาย นั่นหมายความว่าช้าง 1 เชือก สามารถลากคันไถได้ตั้งแต่ 1-4 คันไถ แถมยังไม่ต้องพักเหนื่อย เพราะการไถนาถือเป็นงานเบาสำหรับช้าง เมื่อเทียบกับงานลากไม้ซุงในอดีต จนกลายเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของบรรพบุรุษบ้านนาเกียนที่ยังคงอยู่ และสืบทอดสู่คนรุ่นปัจจุบัน ที่สำคัญยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเชียงใหม่อีกด้วย.