ลูกค้าประจำ "ร้านขนมจีบ" ไม่เชื่อเจ้านี้กินแล้วตาย ที่ออกข่าวไส้หมู แต่คนทำเป็นมุสลิม

ลูกค้าประจำ "ร้านขนมจีบ" ไม่เชื่อเจ้านี้กินแล้วตาย ที่ออกข่าวไส้หมู แต่คนทำเป็นมุสลิม

ลูกค้าประจำ "ร้านขนมจีบ" ไม่เชื่อเจ้านี้กินแล้วตาย ที่ออกข่าวไส้หมู แต่คนทำเป็นมุสลิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(12 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของ นางสุวรรณี อายุ 55 ปี ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตขนมจีบขายทั้งปลีกและส่ง มีแม่ค้ามารับซื้อไปเร่ขายก่อนปรากฏเป็นข่าวดังว่า มีผู้บริโภคซึ่งเป็นหญิงวัย 66 ปี ในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เกิดอาการท้องเสียและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมานั้น

ปรากฏว่าในวันนี้บ้านของนางสุวรรณี นั้นได้มีการปิดประตูหน้าอย่างเงียบสนิท แต่ภายในยังคงมีคนอยู่อาศัยกันภายในบ้าน หลังจากตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ จนถึงรุ่งเช้าในวันนี้ ได้มีสื่อมวลชนจำนวนมาก ต่างวนเวียนเข้ามาทำข่าวถ่ายภาพ และขอสัมภาษณ์ อีกทั้งยังมีการโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลา จนถึงขั้นต้องปิดโทรศัพท์ทิ้ง และบอกว่าให้รอผลการตรวจพิสูจน์จากทาง สสจ.ฉะเชิงเทรา เท่านั้น

สอบถาม นางพรรณี อายุ 39 ปี ชาวบ้านข้างเคียง กล่าวว่า เพื่อนบ้านรายนี้ทำทั้งขนมจีบและซาลาเปาขายมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็เคยซื้อมาบริโภคอยู่เป็นประจำ ทั้งขนมจีบไส้ไก่ และซาลาเปาไส้ถั่วดำ และซาลาเปาไส้ไก่ ยังไม่เคยพบว่ามีปัญหาหรือทำให้ท้องเสียอะไรมาก่อน โดยกินกันทั้งบ้าน ทั้งลูกและแฟนก็กิน เพราะเขาทำขายแค่ช่วงเช้าเพียงวันต่อวันเท่านั้น

โดยตนซื้อไปในตอนเช้าและกินในตอนเที่ยงที่โรงงานก็ยังกินได้ จึงไม่เชื่อว่าขนมจีบของเพื่อนบ้านรายนี้จะเป็นสาเหตุทำให้มีคนกินเข้าไปแล้วเสียชีวิต อีกทั้งเขายังทำสะอาดตั้งแต่การบรรจุใส่กล่องเขาก็ยังเย็บปิดอย่างดี ทั้งยังบรรจุใส่ถุงแบบแยกย่อย เช่น ซาลาเปา เขาก็จะแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ ในแต่ละใบ และจะแยกใส่ถุงเพียงถุงละใบเท่านั้น ไม่มีแมลงวันตอมได้ จึงมั่นใจว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับขนมจีบของเพื่อนบ้านรายนี้ เพราะมั่นใจในความสะอาด 

ขณะที่ นพ.กสิวัฒน์ ศรีประดิษฐ์ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคเบื้องต้น พบว่าผู้ที่ทำขนมจีบขายในพื้นที่ ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ นั้น เป็นชาวมุสลิม ที่ทำขนมจีบจากเนื้อไก่มาเป็นเวลานาน 7 ปีแล้ว แต่ขนมจีบตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเป็นขนมจีบไส้หมู จึงเชื่อว่าน่าจะมีความเข้าใจกันผิดหรืออาจเข้าใจกันคลาดเคลื่อน

นพ.กสิวัฒน์ ศรีประดิษฐ์

ซึ่งทาง สสจ.ได้ไปทำการเก็บตัวอย่างวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งน้ำจิ้มที่อาจเป็นสาเหตุร่วม ที่จะทำให้เกิดท้องร่วง และได้ให้ผู้ที่ทำขนมทำการสาธิตวิธีการทำให้ดูด้วย ทั้งยังทราบข้อมูลว่าผู้ที่ทำขนมขายรายนี้ ไม่ได้ทำขนมขายในวันที่ 7 และ 8 เนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งต้องมีการตรวจสอบว่า รถเร่ที่เข้าขายนั้นเป็นรถคันเดียวกันกับที่ตกเป็นข่าวหรือไม่ โดยอาจจะเป็นคันอื่นจึงทำให้แหล่งที่มาอาจจะแตกต่างกันไป

และต้องตรวจสอบวันเวลาให้มีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับกรณีนี้เนื่องจากมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่ระดับหนึ่ง ในแง่ของการซื้อขาย ทั้งคนขายเองก็ยังไม่มั่นใจมากนัก เนื่องจากมีของไปขายไม่มากเพียงแค่ 4 ชนิด โดยผู้ซื้ออาจจะซื้อมาจากรถคันอื่นก็มีความเป็นไปได้ หากมีของขายหลายอย่างมากกว่าคนขายรายนี้ จึงต้องตรวจสอบตามหากันต่อไปอีกครั้ง

และหากพบว่าเป็นการซื้อจากรถเร่คันนี้จริงๆ แล้วนั้น ยังต้องไปดูอีกว่า เขาได้ไปรับขนมจีบมาจากเจ้าอื่นอีกหรือไม่ นอกจากผู้ที่ทำขนมจีบขายรายนี้ ซึ่งอาจจะเป็นขนมจีบไส้หมูอีกก็เป็นได้ แต่หากรับจากรายนี้รายเพียงเดียว ก็อาจจะไม่ใช่เนื่องจากเป็นชาวมุสลิมไม่ได้ทำขนมจีบไส้หมูขาย จากข้อมูลที่ทราบมายังพบว่ามีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากถึง 19 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

                                                                     

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook