ชีวิตนอกจอที่ไม่ตลกของ ไอ้ปื๊ดลูกกตัญญู

ชีวิตนอกจอที่ไม่ตลกของ ไอ้ปื๊ดลูกกตัญญู

ชีวิตนอกจอที่ไม่ตลกของ ไอ้ปื๊ดลูกกตัญญู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา กำลังติดลมบน นอกจากพระ-นางของเรื่องแล้วต้องยอมรับว่าบท ไอ้ปื๊ด ก็โด่งดังไม่แพ้ใครๆ ในเรื่อง ด้วยหน้าตาที่น่ารัก หลายคนคงจะสงสัยว่าเด็กลูกครึ่งที่ออกสำเนียงสุพรรณชัดแจ๋วคนนี้คือใครกัน ใกล้ถึงวันแม่อย่างนี้ คม ชัด ลึก ได้โอกาสเลยพาไอ้ปื๊ด หรือน้อง ริชาร์ด เกียนี่ พร้อมทั้งคุณแม่วิภามาให้รู้จักกัน

เรานัดเจอน้องริชาร์ดและคุณแม่วิภา ที่ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ พระราม 4 ด้วยภาพลักษณ์ของน้องที่สดใสร่าเริงแถมยังเป็นลูกครึ่ง อาจทำให้หลายคนคิดว่าฐานะทางบ้านต้องดี และคงมีไม่น้อยที่อาจคิดว่าน้องโชคดีที่ได้เป็นดารา แต่..จะมีใครสักกี่คน ที่รู้ว่าบ่าน้อยๆ คู่นี้ต้องแบกรับภาระมากมายแค่ไหน

สำหรับเด็กอายุเพียง 9 ขวบ เปรียบเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน คำว่าทำงานหาเงินอาจฟังดูห่างไกล แต่กลับมีความหมายมากมายสำหรับเด็กคนนี้ เพราะเงินทุกบาทที่น้องริชาร์ดหาได้จากงานแสดง นั่นหมายถึงทุนการศึกษาของตัวเองและยังต้องเป็นเสาหลักรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ต่างๆ ภายในบ้านอีกด้วย แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก แม้จะมีความรับผิดชอบเกินวัย แต่เด็กตัวน้อยๆ คนนี้ก็มีความฝันว่าวันหนึ่งจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ให้ได้ และยังมีความหวังด้วยว่าแม่ของเขาจะมีชีวิตอยู่จนเขาแก่ หลังเพิ่งรู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้

สาวร่างเล็กที่หน้าตาซีดเซียวเพราะอาการป่วย เล่าถึงลูกชายว่า ตอนเด็กๆ เป็นเด็กน่ารักและเลี้ยงง่ายมาตั้งแต่เกิด เมื่อได้มาเป็นดารา ลึกๆ ก็ภูมิใจที่ลูกเก่ง แต่ชอบที่จะเห็นลูกเรียนเก่งมากกว่า เพราะหัวสมองดีและเรียนรู้เร็ว

"ช่วงที่ผ่านมาเขาขยันเพราะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก่อนสอบคุณแม่ก็จะช่วยติววิชาหลักๆ อย่างสังคม วิทย์ คณิ อักฤษให้ ทุกวันนี้จะทบทวนกันก่อนสอบ ถ้าว่างก็ต้องอ่านหนังสือ แม้ตอนนี้จะเรียนแค่ชั้น ป.2 แต่คุณแม่ก็จะให้อ่านแบบเรียนของชั้น ป.5 และหวังว่าเขาจะเรียนหนังสือชั้นสูงๆ ซึ่งขั้นต่ำอยากให้เรียนถึงระดับปริญญาโท เพราะตัวแม่เองก็จบปริญญาตรี ส่วนคุณพ่อของน้อง (เสียชีวิต) ก็จบปริญญาโท อยากให้เขาเรียนสูงๆ เหมือนพ่อ"

ความตั้งใจของคุณแม่ดูจะสอดคล้องกับลูกชาย เพราะน้องริชาร์ดพูดขึ้นมาทันที "ผมไม่ค่อยอยากไปโรงเรียน เพราะเบื่อที่คนในโรงเรียนคุยกันดังมาก" น้องเล่าด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ในขณะที่คุณแม่เสริมขึ้นว่าเป็นเพราะริชาร์ดชอบคนตั้งใจเรียน เวลาเรียนต้องเรียนจริงๆ เนื่องจากที่บ้านมีระเบียบค่อนข้างเข้มงวด ทำให้ริชาร์ดรู้หน้าที่ของตนเองว่าต้องทำอะไร

"สิ่งสำคัญที่สอนมาตลอดเวลาคือระเบียบวินัย ต้องรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร เวลาออกไปอยู่ในสังคมก็จะเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม ทุกวันนี้เขารู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เขามีหน้าที่ต้องดูแลตัวเองเก็บที่นอนเอง กวาดบ้าน ถูบ้าน หุงข้าวในตอนเช้า นี่คือระเบียบวินัยที่แม่พยายามจะสร้างให้เป็นนิสัย"

ก่อนหน้านี้หากย้อนกลับไป พ่อหนุ่มน้อยหน้าใสกิ๊ก เริ่มเป็นที่รู้จักจากงานแสดงโฆษณานมผงยี่ห้อหนึ่ง กับภาพของเด็กตัวเล็กๆ พร้อมกับเสียงร้องที่ฮิตติดหูว่า "ผมเอาแครอทมาฝาก..." ซึ่งทำให้มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ จากนั้นจึงได้แสดงละครเรื่องแรก "อเวจีสีชมพู" "เพื่อนซ่าเทวดาจิ๋ว" กระทั่งมาโด่งดังถูกอกโดนใจในละครเรื่องผู้ใหญ่ลีกับนางมา ที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้

"พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องยอมรับว่ากระแสดีมากๆ จนใครต่อใครต่างเรียกปื๊ดไปหมดแล้ว เวลาไปที่ไหนก็จะมีคนทักว่าไอ้ปื๊ด อย่างเพื่อนๆ ก็จะบอกว่าต่อไปนี้จะไม่เรียกว่าไอ้ริชาร์ด หรือพินอคคิโอแล้ว (ชื่อเล่น) เรียกไอ้ปื๊ดดีกว่า" หนุ่มน้อยเล่า

หลายคนสงสัยว่าการพูดสำเนียงสุพรรณฝึกมาจากไหน ริชาร์ดเลยเผยความลับให้ฟังว่าฝึกพูดกับคนสุพรรณแถวบ้านที่เป็นเพื่อนของแม่ ก่อนที่จะได้แสดงละครเสียอีก แถมยังบอกด้วยว่ารู้สึกสนุกที่ได้ทำงาน

"จริงๆ โตขึ้นผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่คิดว่าคงทำไม่ได้แล้วเพราะตอนนี้เป็นดาราจะทำอะไรได้" น้องริชาร์ดพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ซึ่งคุณแม่อธิบายเสริมว่าลูกชายคิดเช่นนี้เพราะคิดว่าหากจะเป็นนักวิทยา ศาสตร์ได้ต้องได้เรียนอย่างเต็มที่ ตอนนี้มีอาชีพเป็นดารา จึงหวั่นว่าจะทำไม่ได้ แต่อีกมุมคุณแม่กลับมองว่าการที่ลูกได้ทำงานก็เป็นการดีที่ลูกจะได้เรียนรู้ ทั้งประสบการณ์ชีวิตและวิชาการไปในตัว

เมื่อถามถึงเรื่องสุขภาพของคุณแม่วิภา คุณแม่เล่าด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ว่าตอนนี้เป็นมะเร็งลำไส้ช่วงเริ่มต้น ก่อนหน้านี้จะดูแย่กว่านี้เพราะช่วงนั้นคิดมากไม่กิน ไม่นอน แล้วก็เครียด เพราะกลัวตาย ในขณะที่ใจก็ห่วงลูก

"อยู่ที่บ้านเราก็สนิทกันดี เลี้ยงเขาแบบเพื่อน แต่คุณพ่อ (ใหม่) จะดุและเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัยมาก น้องเขาจะกลัวพ่อมากกว่า เราก็พยายามสอนให้เขาต้องช่วยเหลือตัวเอง ตั้งแต่ 5 ขวบ ทุกวันนี้น้องเขามีหน้าที่ช่วยทางบ้าน แต่ก็ต้องไม่ลืมกิจวัตรของตัวเองด้วย แม่รู้ว่าตัวเองสุขภาพไม่ดี ต่อไปในอนาคตหากอาการแย่กว่านี้คงตามดูเขาไม่ไหว ต้องให้เขาช่วยตนเองให้ได้มากที่สุด"

คุณแม่บอกด้วยว่าเมื่อลูกชายรู้ว่าป่วย จากเดิมเงินรายได้ของลูกชายที่เคยใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบ้าน ก็จำต้องเจียดส่วนหนึ่งเพื่อการรักษาตัวเธอ

"เราอยากให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำให้ อย่างเวลาที่เข้มงวดก็เพื่ออนาคตของเขาเองทั้งนั้น เผื่อเราเป็นอะไรไป เขาจะได้ดูแลน้อง(เบน เนดิคท์) ได้ จะไปหวังพึ่งญาติๆ คงไม่ได้ เพราะเขาก็มีลูกของเขาเองต้องเลี้ยงดู"

มาที่ฝั่งลูกชายก็ดูจะห่วงคุณแม่ไม่น้อยเหมือนกัน โดยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า "รับรองว่าชั้น ป.1 ถึง ป .6 ผมจะไม่สอบตก เพราะผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์"

เมื่อถามต่อว่าใกล้วันแม่แล้วอยากบอกอะไรกับแม่ ริชาร์ดหันไปทางคุณแม่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ไอเลิฟยู...รักแม่ครับ อยากให้แม่อยู่กับผมนานๆ ให้จนเกษียณเลย แต่แม่ชอบบอกเสมอๆ ว่าแม่อยู่ไม่ได้ถึงเกษียณหรอก"

ถามต่อว่ารักแม่แค่ไหน หนุ่มน้อยรีบบอกว่ารักเท่าฟ้า แล้วหันไปกอดแม่ พร้อมยังบอกด้วยว่า "เมื่อก่อนผมอาจเหนื่อย ไม่อยากไปทำงานเพราะห่วงเล่น แต่ตอนนี้ผมเป็นดาราคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะถ้าห่วงเล่นก็จะไม่ได้อะไร ไม่มีสตางค์ซื้อข้าว ไม่มีสตางค์เรียนหนังสือสูงๆ ไม่มีสตางค์ซื้อเสื้อผ้า"

และยิ่งเมื่อถามว่า ถ้าวันหนึ่งคุณแม่ไม่อยู่จะทำอย่างไร น้องริชาร์ดนั่งนิ่งไปนานก่อนจะหันมาบอกว่า "ไม่อยากให้มีวันนั้นเลย เพราะผมไม่รู้จะทำอย่างไร" คุณแม่รีบบอกลูกทันทีว่าให้ทำตามที่แม่สอน เพราะถ้าทำได้อย่างที่แม่สอนก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขแล้ว พร้อมกับหันไปโอบลูกชาย นับเป็นภาพประทับใจแห่งความผูกพันแสนประทับใจในวันนี้

ชื่อ - นามสกุล : ด.ช. ริชาร์ด เกียนี่ (Richard Ghiani)
อายุ : 9 ขวบ
วันเกิด : 10 สิงหาคม 2543
สัญชาติ : ไทย
ลูกครึ่ง : ไทย-อิตาลี
การศึกษา : โรงเรียนนราธิปพิทยา (ชั้น ป.2)
ประสบการณ์การทำงานโฆษณา :
- นมดูเม็กซ์ (แครอท), สี ICI Dulux Easy Care, ขนมชีโตส, ยาสีฟันเปปโซเดนท์, รถ Isuzu MU-7, Toshiba, ผงซักฟอกบรีส, หมู่บ้าน Perfect Place Property, งานชา On Air อินโดนีเซีย, น้ำผลไม้ทิปโก้
ผลงานละคร เพื่อน ศัตรูคู่ขวัญ เพื่อนซ่าเทวดาจิ๋ว
ผลงานละครปัจจุบัน ผู้ใหญ่ลีกับนางมา

เรื่อง : เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนกูล
ภาพ : วริศรา วุฒิกุล

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook