ศาลพม่าพิพากษา กักบริเวณซูจี 18 เดือน-ชายมะกันเจอ7ปี
ศาลพม่าตัดสิน อองซาน ซูจี คดีกล่าวหาปล่อยชาวมะกันเข้าบ้านพัก กักบริเวณ 3 ปี ลดหย่อนเหลือ 3 ปี ขณะที่ผู้ก่อเหตุเจอตัดสินโทษจำคุก 7 ปี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ว่า ศาลเรือนจำอินเส่งในกรุงย่างกุ้งของพม่าได้พิพากษาคดีกล่าวหานางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า และหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี)ปล่อยให้นาย จอห์น ยาตทาว ชาวชายอเมริกัน เข้าบ้านพักในกรุงย่างกุ้งแล้ว โดยตัดสินให้เธอถูกจำคุก 3 ปี แต่หย่อนโทษกักบริเวณนางซูจีในบ้านพักเป็นเวลา 18 เดือน
ขณะเดียวกัน ศาลพม่าได้ตัดสินให้นายจอห์น ยาตทาว ถูกจำคุกในค่ายแรงงานพม่าเป็นเวลา 7 ปี ประกอบด้วยความผิดข้อหาละเมิดความมั่นคง 3 ปี เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย 3 ปี และว่ายน้ำอย่างผิดกฎหมาย เป็นเวลา 1 ปี
ก่อนหน้านี้ สื่อกระบอกเสียงของทางการพม่ารายงานเตือนบรรดาผู้สนับสนุน นางซูจีว่า อย่าก่อปัญหาและเตือนต่างชาติไม่ให้แทรกแซงกิจการภายในของพม่า
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิจารณ์ชี้ว่า การไต่สวนคดีนี้มีขึ้นเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลทหารพม่าขัดขวางนางซูจีไม่ให้ ร่วมการเลือกตั้งซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในปี 2010
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงคำตัดสินของศาลพม่ากรณีนางออง ซาน ซูจีว่า ต้องขอเวลาปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนก่อนเพราะขณะนี้ยังไม่ เห็นรายละเอียดจริงๆ แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นกระบวการยุติธรรมของพม่าแต่สถานะของซูจีอยู่ ในใจของคนทั่วโลก ในชั้นนี้ต้องติดตามดูไปก่อนเพราะยังเป็นเพียงรายงานข่าวเท่านั้น ต้องรอรายละเอียดของคำพิพากษาทั้งหมดจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงย่างกุ้ง เพื่อนำมาพินิจพิจารณาอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน
เมื่อถามว่าในฐานะประธานอาเซียนรับได้หรือไม่กับคำตัดสินดังกล่าว นายกษิตกล่าวว่า ตอบไม่ได้ ต้องขอดูก่อนสักนิดว่ารายละเอียดคำตัดสินของศาลเป็นอย่างไร
เมื่อถามอีกว่าการกักบริเวณซูจีไปอีก 18 เดือนก็เท่ากับกีดกันซูจีออกจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าทั้งที่ ประชาคมระหว่างประเทศก็เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งดัง กล่าว นายกษิตกล่าวว่า อาจมองในแง่นั้นก็ได้ แต่มันมีข้อเรียกร้องของประชาคมโลกรวมถึงสหประชาชาติอยู่ ซึ่งผู้นำพม่าก็ต้องดูประเด็นนี้ด้วย มันไม่ใช่ศาลตัดสินแล้วหยุดแค่นั้น แต่มันมีนัยยะทางการเมือง ซึ่งคิดว่าเป็นการบ้านของรัฐบาลพม่าต่อไป