สะพัด! ลุงป้อม จ่อนั่งหัวหน้า พปชร. หลังรวมเสียงหนุนได้เกินครึ่ง คาด อุตตม ยอมถอย
เกิดข่าวลือสะพัด! "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะผงาดขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังรวบรวมเสียงข้างมากจากกรรมการบริหารได้แล้ว คาดว่านายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาจถอดใจยอมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเร็วๆ นี้
เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) แหล่งข่าวในพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า การรวบรวมเสียงจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อสนับสนุนให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจากนายอุตตม สาวนายน ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จแล้ว เนื่องจากล่าสุดฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค สามารถรวมเสียงให้กรรมการบริหารพรรคลาออกจากตำแหน่งได้แล้วถึง 23 เสียง ซึ่งถือว่าเกินครึ่งของจำนวนกรรมการบริหารพรรคที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งตามข้อบังคับพรรคระบุว่าหากกรรมการบริหารพรรคเกินครึ่งลาออก จะทำให้กรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งโดยอัตโนมัติ และต้องมีการจัดประชุมพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
ทั้งนี้ แหล่งข่าวยังระบุว่า หลังจากแกนนำกลุ่มสามมิตรที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร แล้ว จึงมีการเปลี่ยนท่าทีและเซ็นใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเรียบร้อย เพียงแต่ยังไม่ได้ยื่น เพราะต้องรอสัญญาณและรอสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลายก่อน จึงจะยื่นพร้อมกับคนอื่นๆ ที่มีการเซ็นใบลาออกไว้แล้วเช่นเดียวกัน
ขณะที่ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เปลี่ยนท่าทีมาลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเช่นกัน หลังรับรู้การตัดสินใจของกลุ่มสามมิตร
ส่งผลให้ ณ เวลานี้ เสียงของฝ่ายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค นำโดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส.พรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถือว่ามีเกินครึ่งแล้ว
โดยคาดว่าจะมีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อจัดประชุมใหญ่พรรคดำเนินการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่หลังจากได้รับสัญญาณและสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงรอให้พระราชกำหนดกู้เงิน 3 ฉบับ ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน ที่ดูแล้วน่าจะประมาณต้นเดือนมิถุนายน
แต่อย่างไรก็ตาม หากนายอุตตม สาวนายน ตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรค ก็จะทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทันทีตามข้อบังคับพรรคที่ระบุไว้ ซึ่งมีกระแสข่าวว่านายอุตตมน่าจะตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวที่ตีคู่มากับความพยายามเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็คือ การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แม้ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะส่งเสียงสำทับมาหลายครั้งว่าเป็นอำนาจตัดสินใจของตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่าหากเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคมาเป็น ลุงป้อม ได้สำเร็จ ก็จะถึงคิวปรับ ครม. โดยเป้าที่ถูกเพ่งเล็งหนีไม่พ้น "กลุ่ม 3 กุมาร" คือ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ถูกครหาว่าไม่เคยให้ความสำคัญกับการดูแล ส.ส. ในพรรคมาตลอดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งแคนดิเดตที่จะมานั่งเก้าอี้เสนาบดีแทนนั้น ยังคงมีชื่อของนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ที่ทั้งคู่มีลุ้นอยู่ในกลุ่มที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปีก่อนแล้ว
ไม่ว่าจะเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และการปรับคณะรัฐมนตรี ที่สุดแล้วคงต้องรอความชัดเจนอีกครั้งว่า ลุงตู่-ลุงป้อม จะตัดสินใจอย่างไร แต่เชื่อแน่ว่าอีกไม่นานเกินรอพวกเราคงได้รู้คำตอบ