ดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงกว่า 500 จุด หลังประธานเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญขาลง

ดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงกว่า 500 จุด หลังประธานเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญขาลง

ดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงกว่า 500 จุด หลังประธานเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญขาลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเผชิญกับความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงจะตกต่ำลง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกิดความตื่นตระหนก หลังจากนายเดวิด เทปเปอร์ มหาเศรษฐีพันล้านซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ ออกมาแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,247.97 จุด ร่วงลง 516.81 จุด หรือ -2.17%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,820.00 จุด ลดลง 50.12 จุด หรือ -1.75%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,863.17 จุด ลดลง 139.38 จุด หรือ -1.55%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากนายพาวเวลกล่าวในการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (PIIE) เมื่อวานนี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดสถานการณ์ที่แตกต่างจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐอเมริกาเคยเผชิญในอดีต และสภาคองเกรสควรจะมีบทบาทมากขึ้นในการรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวมากกว่าเฟด ด้วยการใช้มาตรการทางภาษี และการใช้จ่ายของรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายเดวิด เทปเปอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ กล่าวว่า “ตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงมากเป็นอันดับสองเท่าที่ผมเคยเห็นมา ซึ่งเป็นรองเพียงในปี 1999 โดยตลาดมีมูลค่าสูงมาก ขณะที่เฟดได้อัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าตลาด”

ทั้งนี้ ค่า Forward P/E ratio อิงตามการประเมินสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นเหนือระดับ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002

หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น ปรับตัวลดลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 3.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 4.57% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 4.13% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.05% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 3.7% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทรุดตัวลง 6.28%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.9% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 9.06% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.6% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 7.7% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 6.6%

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ลดลง 3.5% ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2534 จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอันย่ำแย่ของอุตสาหกรรมทางอากาศ เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ดีดตัวขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้น GrubHub ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสั่งอาหารทางออนไลน์ ร่วงลง 3.7% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า อูเบอร์กำลังเจรจาเพื่อซื้อกิจการ GrubHub คิดเป็นมูลค่าราว 6,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อูเบอร์ยังเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 750 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนในปี 2568

หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 3,300 ล้านดอลลาร์ โดยจะใช้เรือสำราญ 28 ลำของบริษัทเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 1.3% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือน มี.ค. โดยการร่วงลงของดัชนี PPI ในเดือน เม.ย. ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐอเมริกาจะเผชิญภาวะเงินฝืดในช่วงสั้นๆ ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบอุปสงค์

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือน เม.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน พ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน มี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook