พสกนิกร รอถวายพระพรแน่นสนามหลวง

พสกนิกร รอถวายพระพรแน่นสนามหลวง

พสกนิกร รอถวายพระพรแน่นสนามหลวง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชนสวมเสื้อฟ้าทยอยร่วมงานวันแม่แห่งชาตินับแสน ต่างจับจองที่นั่งรอชม "มหรสพ 6 เวที" ฝั่งลานพระบรมรูปทรงม้า เริ่ม "4 โมงเย็น-เที่ยงคืน" ถนนราชดำเนินในปิดการจราจรแล้ว ตำรวจ-ทหาร-เทศกิจ ผนึกกำลังกว่า 3 พันนายคุมเข้มตรวจตราบริเวณงาน "รองผบช.น." แนะพี่น้องประชาชนเข้างานใช้บริการรถสาธารณะสะดวกกว่า

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ส.ค. บรรยากาศงานเฉลิมพระเกียรติเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 77 พรรษา ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าต่อเนื่องถนนราชดำเนินนอกตลอดสาย ซึ่งมีการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและการแสดงมหรสพเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนจากใน กทม.และต่างจัดหวัดเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะสองฝั่งข้างทางถนนพญาไทด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อเนื่องไปถึงแยกเทเวศร์ มีรถตู้จอดเรียงรายเป็นทางยาวจนสุดสายตา โดยประชาชนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานต่างสวมเสื้อสีฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น

ตำรวจได้ปิดเส้นทางการจราจรบริเวณลานพระราชวังดุสิตแล้วไม่ให้รถสัญจรไปมาตั้งแต่แยกอู่ทองใน ลานพระรูปทรงม้า ต่อเนื่องถนนราชดำเนินนอก ถึงแยกผ่านฟ้า ราชดำเนินกลาง ถึงสี่แยกคอกวัว ส่วนถนนที่ตัดขวางถนนราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง และราชดำเนินใน ทุกเส้นยังสามารถเปิดใช้ได้ตามปกติ อาทิ ถนนศรีอยุธยาสิ้นสุดบริเวณหน้าวัดเบญจมบพิตร ถนนพิษณุโลกสิ้นสุดที่หน้าทำเนียบฯ ถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมถึงแยกยูเอ็น และแยกจักรพรรดิพงษ์ โดยจะปิดการจราจรไปจนถึงเวลา 24.00 น.

ขณะนี้เวทีการแสดงมหรสพทั้ง 6 เวทีก็พร้อมที่จะเปิดการแสดงแล้วประชาชนสามารถเลือกชมการแสดงต่างๆตามความพอใจได้ดังนี้ เวทีที่ 1 บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เวทีที่ 2 หน้ากระทรวงศึกษาธิการ เวทีที่ 3 หน้ากองทัพบก เวทีที่ 4 หน้ากระทรวงเกษตรฯ เวทีที่ 5 หน้าพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เวทีที่ 6 บนอนุสาวรีย์ประชาธิไตย มีการแสดงที่หลากหลายทั้งคอนเสริ์ตลูกทุ่ง ดารานักร้อง ลำตัดลิเก เป็นต้น และแม้ว่าแสงแดดในช่วงบ่ายนี้จะแผดร้อนจ้าก็ตามแต่พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานก็ไม่ย่อท้อต่างจับจองที่นั่งเพื่อชมมหรสพบริเวณด้านหน้าเวทีกันบ้างแล้ว

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานด้านการจราจร กล่าวประชาสัมพันธืไปยังพี่น้องประชาชนที่จะมาร่วมงานในค่ำคืนนี้ว่า ให้เดินทางมาโดยรถโดยสารสาธารณะจะสะดวกกว่าเพื่อลดปัญหาการจราจร แต่หากมีความจำเป็นต้องนำรถมาเองก็มีการจัดเตรียมที่จอดรถไว้ให้แต่เกรงว่าจะไม่เพียงพอและอาจต้องเดินเท้าระยะทางไกลเพื่อเข้ามาชมการแสดงในงาน โดยรถยนต์ส่วนตัวนั้นสามารถจอดได้รอบนอกสถานที่จัดงาน ส่วนรถบัสที่มาจากต่างจังหวัดให้ส่งผู้โดยสารลงแล้วนำไปจอดถนนรอบนอกฝั่งใต้ ฝั่งตะวันตก รองรับปริมาณรถได้ 1,400 คันที่ ถนนอุทยาน ถนนพุทธมณฑลสาย 1- 2 ถนนกาญจนาภิเษก ถนนขนส่งสายใต้เก่า และถนนราชพฤกษ์ ส่วนรถบัสที่มาจากฝั่งเหนือและตะวันออกสามารถนำไปจอดที่ ถนนกำแพงเพชร 1 , 2 , 5 , 6 , 7 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และอิมแพคเมืองทองธานี รองรับปริมารรถได้ทั้งหมด 1,200 คัน

ส่วนการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณงานนั้น ประชาชนจะได้รับการตรวจตราดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังตำรวจทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยรอบบรืเวณงานร่วมกับทหารแลเทศกิจรวม 2300 นายดูแลอย่างเต็มที่พร้อมชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจนืวุตถุระเบิด ชุดสุนัขตำรวจทหารเข้าตรจพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบตรวจตราป้องกันเหตุฉกชิงวิ่งราวล้วงกระเป๋าในบริเวณงานด้วย คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ประมาณ 3 แสนคน

พสกนิกรรอจุดเทียนชัยถวายพระพรแน่นสนามหลวง

ขณะที่บรรยากาศที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ถือว่าเป็นเวทีหลักในการจัดงานวันแม่แห่งชาติประจำปีนี้ โดยในช่วงเวลา 19.19 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานจุดเทียนชัยถวายพระพร โดยเมื่อเวลา 18.00น. ได้มีประชาชนจำนวนมากต่างทะยอยเดินทางเข้ามร่วมงานเพื่อรอจุดเทียนชัยที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่โมงข้างหน้านี้

สวนนงนุชพัทยาแสดงช้างแสนรู้สะท้อนความกตัญญู

ขณะที่บรรยากาศตามจังหวัดต่างๆ นางพัทธนันท์ ขันติสุขพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป สวนนงนุชพัทยา ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับมอบหมายจาก นายกัมพล ตันสัจจา ผู้อำนวยการ สวนนงนุชพัทยา เป็นประธานในพิธี จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคล วันแม่แห่งชาติ โดยมี นายจิรพฤทธิ์ โสดร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและขาย กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรม และได้รับเกียรติจาก นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ นายศรชัย ทองยั่งยืน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาจอมเทียน นายสมศักดิ์ ทับกลัด กำนันตำบลนาจอมเทียน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศให้ความสนใจในกิจกรรมอย่างมาก

นายกัมพล เปิดเผยว่าในปีนี้ ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติยิ่งใหญ่ ให้ลูกพาแม่เข้าเที่ยวชมสวนนงนุชฟรี 1 วัน (12 สิงหาคม 2552) และจัดให้มีขบวนแห่ยิ่งใหญ่ช้างกว่า 40 เชือก โดยให้ ช้างพังหยก เกิดวันที่ 15 มีนาคม 2546 อายุ 6 ปี เขียนข้อความ " รักแม่.... ปลูกป่า ลดโลกร้อน " และให้ พังใบเตย อายุ 5 ปี พังออมสิน อายุ 7 ปี พลายมุก อายุ 6 ปี คานหมอบเข้าไปถวายพวงมาลัยดอกดาวเรืองต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

นอกจากนี้ยังได้จัดช้างแม่ลูก 3 คู่ โดยให้ คู่แรก พังตรุษจีน เกิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 อายุ 8 ปี ลูกของพังวาสนาและพ่อพลายเบิร์ด คานหมอบนำพวงมาลัยไปมอบให้พังวาสนา คู่ที่ 2 พังแสงดาว เกิดวันที่ 19 กันยายน 2546 อายุ 6 ปี เป็นลูกของพังเฟื่องฟ้าและพ่อพลายเบิร์ด มอบพวงมาลัยให้พังเฟื่องฟ้า คู่ที่ 3 พลายขวัญเมือง เกิดวันที่ 2 กันยายน 2546 อายุ 6 ปี เป็นลูกของพัง อนงศักดิ์ และพ่อพลายเบิร์ด นำพวงมาลัยมอบให้แม่เช่นกัน ซึ่งภาพประทับใจเหล่านี้เคยเรียกน้ำตาผู้เป็นแม่ และกระชากสำนึกลูกที่ไม่ดูแลแม่ มาแล้วจำนวนมาก โดยเฉพาะแม่ที่ถูกลูกทอดทิ้ง ไม่เอาใจใส่ดูแล และลูกที่ไม่สนใจ ไม่ดูแลแม่ก็จะเห็นภาพเหล่านี้ เป็นอีก 1 ความดีที่สวนนงนุชพัทยาได้ถวายแด่พระองค์ท่าน ถ้าลูกทุกคนมีความกตัญญู และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งในวันที่ 12 สิงหาคม สวนนงนุชได้เปิดโอกาสให้ ลูกแสดงความรักต่อแม่ พาแม่เที่ยวฟรีที่สวนนงนุชพัทยาแห่งนี้

12สิงหาพระอาทิตย์ทรงกลดเที่ยงตรงที่กรุงเก่า

ที่บริเวณด้านหน้าวิหารพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนางวาสินี ผิวผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นำหวัหน้าส่วนราชการ พ่อค้า และประชาชน กล่าวถวายราชสดุดี และร่วมพิธีตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ และสามเณร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยมีพระราชรัตนวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร กล่าวสัมโมทนียกถา โดยประชาชนส่วนใหญ่ยังถือโอกาสร่วมลงนามถวายพระพร และขอพรจากหลวงพ่อโตให้บ้านเมืองมีแต่ความสงบสุขด้วย

หลังจากร่วมพิธีตักบาตรที่วัดพนัญเชิงวรวิหารแล้ว ต่อมาเช้าวันเดียวกัน นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ได้ไปร่วมทำบุญตักบาตรกับประชาชนที่บริเวณด้านหน้าศูนย์ข้อมูลข่าวสารอยุธยา หรือศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังเก่า โดยประชาชนส่วนใหญ่นำครอบครัวมาร่วมใส่บาตรเป็นข้าวสารอาหารแห้ง และอาหารคาวหวาน ซึ่งในปีนี้มีประชาชนมาร่วมจำนวนมากเช่นทุกปี โดยในช่วงค่ำวันเดียวกันก็จะใช้บริเวณสถานที่แห่งนี้ในการจุดเทียนชัยเพื่อถวายพระพรด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อนุสรณ์สถานเจดีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เวลา 12.00 น. วันที่ 12 ส.ค. ได้เกิดปรากฎการณ์พระอาทิตย์ทรงกรด เหนือเจดีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมบริเวณดังกล่าวต่างตื่นเต้น พาแม่เข้าไปกราบไหว้พระบรมรูปสมเด็จพระสุริโยทัย ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าปราฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากตรงกับวันสำคัญวันเฉลิมพระชนมพรรษาด้วย เชื่อว่าการขอพรในช่วงดังกล่าวจะทำให้มีโชคลาภ และเป็นสิริมงคลด้วย

นายนภดล คงสมโอฐ อายุ 45 ปี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเป็นวันแม่ด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นสิริมงคล เพราะน้อยครั้งนักที่ดวงอาทิตย์จะเกิดการทรงกลดในวันที่เป็นมงคลเช่นนี้ สำหรับการเกิดปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เกิดจาก แสงจากดวงอาทิตย์ส่องไปกระทบ เกิดการสะท้อนและหักเหมาเข้าตา ผู้สังเกตบนโลกแต่เนื่องจากแสงอาทิตย์มีความสว่างจ้ามาก อาทิตย์ทรงกลดจึงไม่ได้มี เฉพาะแสงเรือง 1 วง หรือ 2 วงเท่านั้น บางครั้งอาจมีแสงเรือง เป็นแนวโค้ง หลากหลายรูปแบบปรากฏให้เห็นได้ จะเห็นได้ก็เฉพาะผู้ที่แหงนหน้ามองท้องฟ้าบ่อย ๆ เท่านี้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีโอกาสเห็นอาทิตย์ทรงกลด ในเวลากลางวัน และดวงจันทร์ทรงกลดในเวลากลางคืน อาทิตย์ทรงกลดมองดู ได้ ด้วยตาเปล่า แต่ห้ามมองตรงไปที่ดวงอาทิตย์

ส่วนแสงสีที่ตามองเห็นนั้น จะขึ้นกับการทำมุมของแสงอาทิตย์และเกล็ดน้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปเรามักจะเห็นเป็นแสงสีเหลืองอ่อนๆ มากที่สุด สำหรับขนาดของ พระอาทิตย์ทรงกลดจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากจะมีขนาดเฉลี่ย 30 องศา โดยการลากเส้นตรง 2 เส้น มาบรรจบกันที่ดวงตาผู้มอง ได้แก่ เส้นตรงที่ลากจากกึ่งกลาง ของปรากฏการณ์มาที่ตาผู้มอง และเส้นตรงที่ลากจากขอบของปรากฏการณ์มาที่ดวงตาผู้มอง ซึ่งเป็นหลักการวัดระยะเชิงมุมของวัตถุต่างๆ บนท้องฟ้า เช่น ดวงดาว เป็นต้น

สำหรับความถี่ในการเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดนั้น เราไม่สามารถคาดการณ์การเกิด ล่วงหน้าได้ แต่ก็ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ทั้งนี้ ในแง่ความเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ของคนไทย คนไทยจะนับถือดวงอาทิตย์เป็นเทวดาเบื้องบนองค์หนึ่ง สังเกตจากการเรียกนำหน้าว่า " พระ " ส่วนกลดก็ถือเป็นของสูงสำหรับพระ เช่น กลดของ พระธุดงค์ ปรากฏการณ์นี้จึงเปรียบได้กับกลดของพระที่กำลังถูกล้อมรอบไว้ด้วยแสงของ ดวงอาทิตย์ไว้นั่นเอง จึงถือเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็น " มหิธานุภาพ " ของ ดวงอาทิตย์ มีความหมายในทางที่ดี มีมงคลแก่ทุกคนบนโลก และในวันที่เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดจะเป็นวันที่อากาศไม่ร้อนจัด ไม่มีฝนตกปุบปับอย่างแน่นอน เว้นแต่จะมีลมพายุพัดเมฆฝนจากที่อื่นมา จึงสามารถจัดกิจกรรมหรือประเพณีในวันที่มี พระอาทิตย์ทรงกลดได้ดี

ชมรมกีฬาบ้านหูแร่สงขลาจัดมหกรรมกีฬาเทิดพระเกียรติ

ที่บริเวณโรงเรียนวัดหูแร่ ม.3 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ชมรมกีฬาบ้านหูแร่ โรงเรียนวัดหูแร่ และประชาชนในพื้นที่ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหามหาราชินี ภายใต้ชื่อ "มหกรรมกีฬาเทิดพระเกียรติ 12 สิงหาคัพ ต้านภัยยาเสพติด ครั้งที่ 1" ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พ.ต.อ.พิทักษ์ เอียดแก้ว ผู้กำกับกองกำกับการ 5 กองบังคับการสันติบาล 1 มาเป็นประธานในพิธีเปิด

โดยกิจกรรมดังกล่าวมีเยาวชน ประชาชน ข้าราชการในพื้นที่ ต.ทุ่งตำเสา เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วย ออกกำลังกายเต้นแอร์โรบิคถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ การแข่งขันฟุตบอล 9 คน ระหว่างทีมข้าราชการตำรวจ สังกัด สภ.ทุ่งตำเสา กับ ทีมชมรมคนรักกีฬาบ้านหูแร่ การแข่งขันฟุตซอล 7 คนของนักเรียนระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ ต.ทุ่งตำเสา และกิจกรรมอื่นๆ เป็นต้น โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น สนุกสนานและเป็นกันเอง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ที่เข้าร่วมแข่งขันมหกรรมกีฬาเทิดพระเกียรติในครั้งนี้

ทั้งนี้ทางชมรมกีฬาบ้านหูแร่ ได้จัดขึ้นเพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนในพื้นที่หันมาออกกำลังกายสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดี ที่สำคัญเพื่อป้องกันเยาวชนหันไปมั่วสุมยาเสพติดและลุ่มหลงในสิ่งมอมเมาหรืออบายมุขต่างๆ

มทภ.4 ร่วมพิธีถวายพระพรและเปิดตาในโครงการที่รพ.รามัน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม 2552 ที่โรงพยาบาลรามัน อ.รามัน จ.ยะลา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีถวายพระพร และเปิดตาในโครงการ แสงแห่งความหวัง ถวายวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหามหาราชินี ซึ่งเป็นโครงการที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ร่วมกับบริษัททาสของแผ่นดิน และโรงพยาบาลรามัน ร่วมกันดำเนินการตรวจรักษา และผ่าตัดต้อเนื้อ ต้อกระจก ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.รามัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9-11 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนในพื้นที่ อ.รามัน ได้รับการรักษาและผ่าตัดรวม 65 ราย

พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เปิดเผยว่า โครงการนี้ต้องขอขอบคุณบริษัท ทาสของแผ่นดิน โดยคุณธานินทร์ พันธ์ประภากิจ และทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลรามัน ที่ได้ร่วมกันทำกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ได้มีโอกาสในการรักษาเป็นครั้งแรก และในวันนี้ก็จะได้เปิดดวงตาผู้ที่ได้รับการผ่าตัดทั้งหมด ซึ่งผู้ป่วยทุกคนก็จะสามารถกลับมามองเห็นได้เป็นปกติ ซึ่งกิจกรรมนี้เปิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างตรงเป้าหมาย และตรงกับยุทธศาสตร์พระราชทานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อย่างแท้จริง

" หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และบริษัททาสของแผ่นดิน โรงพยาบาลรามัน ได้ดูแลความเป็นอยู่ของผู้ป่วยทุกรายเป็นอย่างดี รวมทั้งจัดรถรับส่งทั้งผู้ป่วยและญาติให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยทุกคน ส่วนผ้าห่ม ที่นอน หมอนและเครื่องใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ป่วยและญาติๆทั้งหมด ก็เป็นสิ่งของที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงพสกนิกรของพระองค์ในแผ่นดินนี้ทุกคน และโครงการที่จัดขึ้นนี้ เพื่อร่วมกันถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระผู้เป็นแม่ของแผ่นดิน เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 77 พรรษา 12 สิงหาคม 2552 ในวันนี้ " พ.อ.คมกฤช กล่าว

ชาวกาฬสินธุ์แห่ซื้อพวงมาลัยดอกมะลิคึกคัก

ที่ตลาดเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตลาดรับส่งดอกไม้สดแหล่งใหญ่ใน จ.กาฬสินธุ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากได้มีประชาชนทุกกลุ่มออกมาซื้อดอกไม้ โดยเฉพาะพวงมาลัยดอกมะลิกันจำนวนมาก ส่วนราคาดอกไม้ปีนี้แม่ค้าระบุว่าดอกมะลิราคาแพงเท่าตัว เนื่องจากแหล่งปลูกดอกมะลิสดใน จ.กาฬสินธุ์ ไม่ออกดอก ทำให้ต้องสั่งจาก กทม.แทน

นางสุดารัตน์ ศรีมาลา แม่ค้าดอกไม้ที่ตลาดเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปีนี้ผลผลิตดอกมะลิสดใน จ.กาฬสินธุ์และพื้นที่ใกล้เคียงไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกชุก ดอกมะลิไม่ออกดอก ทำให้ต้องมีการสั่งดอกไม้มาจากตลาดดอกไม้ที่ กทม.แทน ซึ่งราคาดอกมะลิปีนี้นับว่าแพงกว่าปีที่แล้วเท่าตัว อย่างไรก็ตาม จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้แม่ค้าต้องปรับกลยุทธ์การขายใหม่ แม้ว่าจะปรับดอกกมะลิมาในราคาแพงก็ตาม

"พวงมาลัยดอกมะลิสดปกติจะมีราคาขายอยู่ที่พวงละ 50-500 บาท แต่ปีนี้ต้องหั่นราคาลงมา ราคาเริ่มต้นที่พวงละ 30-50 จนกระทั่งหลักร้อยบาทแทน โดยลดต้นทุนด้วยการนำดอกมะลิ มาร้อยผสมกับดอกไม้และกลีบดอกไม้ชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้ดูสวยงามด้วย ซึ่งก็ขายดี นอกจากนี้ ยังเปิดให้บรรดาลูกค้าต่อรองราคาได้ ซึ่งบางครั้งจะขายพวงมาลัยดอกมะลิเพียงพวงละ 25 บาท ทั้งนี้เพื่อให้บรรดาลูกๆ ได้แสดงความรักกับแม่อย่างทั่วถึง"

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามบรรดาแม่ค้าขายพวงมาลัยดอกมะลิ ต่างระบุว่า หากเปรียบเทียบกันแล้วพวงมาลัยดอกมะลิปีนี้ขายดีกว่าทุกปี โดยแม่ค้าจะปรับราคาขายเพิ่มขึ้นแต่ประชาชนก็ไม่ตำหนิอะไร เพราะเข้าใจในช่วงเทศกาลดี

อำนาจเจริญลูกถือโอกาสพาแม่ทำบุญเลี้ยงพระพร้อมกับบอกรักแม่

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันแม่แห่งชาติ ที่ จ.อำนาจเจริญ นอกจากจะมีพิธีการทำบุญตักบาตรในช่วงเช้าแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าขอพรจากแม่เป็นกรณีพิเศษ และถือโอกาสในวันนี้กอดแม่ และบอกรักแม่ น.ส.ชนากานต์ ตาทอง อายุ 24 ปี ข้าราชการสังกัดสำนักงานประกันสังคม จ.อำนาจเจริญ ได้พาแม่ พร้อมตา ยาย และเพื่อนบ้านนับสิบคนเข้าไปทำบุญเลี้ยงพระในเวลา 10.00 น.เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

น.ส.ชนากานต์ กล่าวว่า แม่มีอาชีพทำนา โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านโคกกอก ต.นาผือ อ.เมือง จ.เจริญ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำงานของตนประมาณ 15 กม.ด้วยระยะทางจากบ้านพักและที่ทำงาน ทำให้ตนไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกันกับแม่ และในโอกาสวันแม่แห่งชาติปีนี้ จึงถือโอกาสร่วมกันทำบุญ และใช้วันแม่เป็นสื่อบอกรักแม่

ด้านพระครูไสว เจ้าอาวาสวัดบ้านโคกกอก กล่าวว่า การทำบุญเนื่องในโอกาสวันแม่ ถือเป็นช่องทางในการสื่อสารให้ผู้เป็นแม่ดีใจและสบายใจมากกว่าโอกาสอื่นๆ เพราะโดยปกติแม่จะทำงานหนัก ไม่มีเวลาที่จะให้ลูกๆ เข้าหา และบางครั้งลูกเองอาจไม่มีเวลาให้แม่ แต่เมื่อทางการกำหนดให้มีวันแม่และเป็นวันหยุดราชการ ก็อยากให้ทุกคนใช้โอกาสนี้ไปแสดงความเคารพต่อแม่ของตนให้มากๆ โดยในทางพระพุทธศาสนาจะสอนให้ทุกคนมีความกตัญญูต่อแม่-พ่อ และผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คนรู้สึกตัวอะไรคือแก่นแท้ของชีวิต ซึ่งความรักและความสามัคคี การทำความดีต่อพ่อแม่และญาติๆ เป็นเรื่องดีสุด

พิษณุโลกร้านทองคึกคักแม่-ลูกจูงมือซื้อทองเป็นของขวัญวันแม่

บรรยากาศที่ห้างทองดีเฮง ถนนนเรศวร อ.เมือง จ.พิษณุโลกคึกคักด้วยคู่แม่ลูกที่จูงมือกันมาเลือกซื้อทอง เนื่องในวันแม่แห่งชาติ แม้ว่าในวันนี้ราคาทองคำจะอยู่ที่น้ำหนัก 1 บาท ราคา 15,300 บาท แต่หลายคนยินดีที่จะซื้อทองให้แม่เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา เพื่อหวังให้แม่มีความสุข และเป็นการตอบแทนบุญคุณแม่ที่เลี้ยงดูมา ขณะที่แม่บางคนขัดสนด้านการเงินได้นำทองมาจำนำไว้ที่ร้านทอง ลูก ๆ จึงถือโอกาสวันนี้มาไถ่ถอนทองให้แม่ด้วยเช่นกัน

นางสาวพรพนารัตน์ อมรพัฒนา ชาวจังหวัดพิษณุโลกลูกค้าที่มาซื้อทอง กล่าวว่า นับแต่ทำงาน ทุกวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่ จะพาคุณแม่มาเลือกซื้อทอง ซึ่งแต่ละปีจะซื้อให้ประมาณ 2 บาท ราคาในอดีตจะไม่ถึง 2 หมื่นบาท แต่ปีนี้ราคาทองแพงขึ้น ประกอบกับภาวะ ปีนี้จึงลดน้ำหนักทองเหลือเพียง 1 บาท ซึ่งก็ทำให้แม่มีความสุขมากในวันนี้ อีกอย่างที่ซื้อทองให้เพราะเห็นว่าทองคือสิ่งที่ล้ำค่า และเมื่อเทียบกับแม่ความรักของแม่ล้ำค่ามากยิ่งกว่าทองคำ ตนจึงมอบทองคำให้แม่พร้อมบอกรักแม่เช่นนี้ทุกปี

ด้านเจ้าของร้านทอง ห้างทองดีเฮง กล่าวว่า ทุกปีจะมีลูกค้านิยมมาซื้อทองเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แม่ ซึ่งปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี คาดการณ์ว่าลูกค้าอาจหันไปซื้อสินค้าอื่นเพื่อมอบให้แม่แทนทองคำ แต่ปรากฏว่า แต่แต่ช่วงเช้ามีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแม่ลูก เข้ามาเลือกซื้อทองคำให้กันจนแน่นร้าน

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook