สดศรีคาดเดือนนี้รู้ผลยุบพรรคปชป. คดีเงินบริจาค

สดศรีคาดเดือนนี้รู้ผลยุบพรรคปชป. คดีเงินบริจาค

สดศรีคาดเดือนนี้รู้ผลยุบพรรคปชป. คดีเงินบริจาค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สดศรี คาดเดือนนี้รู้ผลว่าต้องยุบ ปชป. ในคดีใช้เงินบริจาค 258 ล้าน และเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้าน ด้าน บัญญัติ ให้การมีหลักฐาน

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าของการพิจารณาสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้รับทราบจากทางคณะกรรมการไต่สวนว่า ขณะนี้พยานในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้มาให้ปากคำแล้ว และทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ได้ประสานจนสามารถพาตัวนายประจวบ สังข์ขาว กรรมการบริษัทแมซ ไซอะ จำกัด มาให้ถ้อยคำ

จึงน่าจะสามารถสรุปสำนวนเสนอให้ประธาน กกต.ได้ภายในวันที่ 18 ส.ค.นี้ และถ้าไม่มีข้อขัดข้องอะไร สำนวนมีความชัดเจนก็คาดว่า กกต.จะพิจารณาลงมติได้ภายในเดือนนี้

สำนวนที่คณะกรรมการไต่สวนฯ ส่งมาให้ กกต.พิจารณานั้น นอกจากจะมีการรายงานข้อเท็จจริงของการสอบสวนแล้ว ก็จะมีการเสนอความเห็นว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่ โดย กกต.ก็จะพิจารณาว่ากรณีของเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองมีการนำเงินไปใช้ผิดประเภทเข้าข่ายฉ้อฉลเงินกองทุนตามข้อกล่าวหาของดีเอสไอหรือไม่ ส่วนกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ก็ต้องพิจารณาว่า มีการปกปิดไม่แจ้งให้ กกต.ทราบหรือไม่ และทั้งหมดเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 93 และ 94 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่กำหนดเป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคหรือไม่

หาก กกต.มีมติว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดและมีผลต่อพรรค กรรมการบริหารพรรค ส่วนตัวก็คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก 1 ชุด เพื่อดำเนินการเรื่องของการยุบพรรค แต่สามารถใช้ผลสอบของคณะกรรมการไต่สวนฯ ชุดที่กำลังสรุปอยู่นี้ดำเนินการเรื่องของการเสนอเรื่องยุบพรรคไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เลย

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุในการเข้าให้ปากคำต่อ กกต.ว่า ระหว่างดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ไม่เคยได้รับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาทจาก บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) นางสดศรี กล่าวว่า เท่าที่ กกต.ตรวจสอบปี 47 และปี 48 ก็ไม่พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคจำนวนดังกล่าว โดยที่มีการรายงานการรับบริจาคเงินมายัง กกต. ระบุว่า ปี 47 พรรคประชาธิปัตย์ได้รับบริจาค 49 ครั้ง รวมเป็นเงิน 16 ล้านบาท ส่วนปี 48 ก็ได้รับบริจาค 49 ครั้ง เป็นเงิน 38 ล้านบาท

แต่เงิน 258 ล้านบาทนั้น กกต.ได้รับทราบจากทางดีเอสไอว่า บริษัททีพีไอ ไพลีน จำกัด (มหาชน) มีการบริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์และมีการนำเสนอมาร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบในขณะนี้

เมื่อถามต่อว่า หากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ให้เงินดังกล่าวกับแกนนำพรรค และมีการนำไปใช้ในการทำให้พรรคเป็นที่นิยมจะถือว่าเข้าข่ายเป็นเงินบริจาคหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า คำว่าเงินบริจาคตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองทั้งฉบับปี 40 และปี 50 มีความหมายแทบจะเหมือนกัน คือ เงินบริจาคไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือให้เป็นสิทธิประโยชน์อื่น เช่น หุ้น หรือการจัดโต๊ะจีนเพื่อระดมทุนก็เข้าข่ายเป็นเงินบริจาคทั้งหมด และกฎหมายก็กำหนดว่าเมื่อมีเงินไหลเข้าพรรคมาไม่ว่าจะทางใด ก็ต้องแจ้งต่อ กกต.ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลรายรับรายจ่ายของพรรคการเมืองให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

"ไม่ว่าจะเป็นเงินนอกระบบหรือเงินใต้โต๊ะ เมื่อพรรคได้รับมาเราก็ต้องตรวจสอบให้ได้ กรณีดังกล่าวถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นข้อเท็จจริงที่มีการปกปิดกันไว้ว่ามีการใช้เงินผิดประเภท กกต.ก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ว่ามีการใช้เงินดังกล่าวโดยชอบหรือไม่" นางสดศรี กล่าว

แหล่งข่าวจาก กกต.แจ้งว่า ในเรื่องดังกล่าวมี 2 ประเด็นที่คณะกรรมการไต่สวนต้องพิจารณาและมีความเห็นเสนอ กกต. โดยประเด็นของข้อกล่าวหาการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านผิดวัตถุประสงค์นั้น ทั้งจากคำชี้แจงและหลักฐานที่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์นำมาแสดงและหลักฐานที่คณะกรรมการไต่สวนมีอยู่ บ่งชี้ว่าการใช้เงินกองทุนฯของพรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะมีปัญหา คงเหลือแต่ในส่วนประเด็นเงินบริจาค 258 ล้านของบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ที่แม้ในการเข้าให้ปากคำของนายบัญญัติ หัวหน้าพรรค และนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ เหรัญญิกพรรคขณะนั้น ต่างจะยืนยันว่าขณะดำรงตำแหน่งพรรคฯไม่มีการรับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอฯ และในรายงานงบดุลของพรรคประชาธิปัตย์ปี 47-48 ก็ไม่พบจำนวนเงินดังกล่าว

แต่ นายประจวบ สังข์ขาว ผู้บริหารบริษัทแมกไซอะฯ ก็ยืนยันว่า เงินที่บริษัทได้รับจากบริษัททีพีไอฯ ถูกโอนให้กับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ตรงนี้ทางคณะกรรมการไต่สวนต้องกลับไปประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้งว่า เงินบริจาค 258 ล้านที่มีการอ้างนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ และมีการนำไปดำเนินการในเรื่องใดที่เป็นการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ รวมทั้งจริงหรือไม่ที่ประชาธิปัตย์ได้รับมาแล้วไม่รายงานต่อ กกต. ก่อนที่จะสรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองที่ กกต.ต้องดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์ในขั้นตอนต่อไปหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook