ศาลฎีกาฯพร้อมอ่านคำพิพากษาทุจริตกล้ายาง17ส.ค.

ศาลฎีกาฯพร้อมอ่านคำพิพากษาทุจริตกล้ายาง17ส.ค.

ศาลฎีกาฯพร้อมอ่านคำพิพากษาทุจริตกล้ายาง17ส.ค.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลฎีกานักการเมือง เตรียมพร้อมอ่านคำพิพากษาทุจริตกล้ายาง 17 ส.ค.นี้ บ่ายสอง เผยล่าสุด ยังไม่มีจำเลยยื่นขอเลื่อนฟังคำพิพากษา

จากกรณีที่มีการคาดการณ์ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจจะเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพาราจำนวน 90 ล้านต้นมูลค่า 1,440 ล้านบาท ในวันที่ 17 ส.ค.นี้เวลา 14.00 น. ออกไปก่อน เนื่องจากมีข่าวว่าจำเลยบางคน จะไม่เดินทางมาศาลนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า วันนี้ตั้งแต่เปิดทำการ เวลา 08.00 น. จนถึงหมดเวลาราชการยังไม่ปรากฏว่ามีจำเลยคนใด หรือทนายความจำเลยคนใดในจำนวนจำเลยทั้งสิ้น 44 คน ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อขอเลื่อนฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ส.ค. แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากศาลฎีกา ฯ นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ส.ค. เวลา 14.00 น. ดังนั้นก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จำเลย จะยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาในช่วงเช้าของวันดังกล่าว แต่ทั้งนี้เป็นดุลยพินิจขององค์คณะผู้พิพากษาที่จะพิจารณา ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงเหตุจำเป็นที่จำเลยนั้นจะยื่นคำร้องเข้ามา

ขณะที่ นายเจษฎา อนุจารีย์ ทนายความคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โจทก์ที่ยื่นฟ้องคดี กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่ทราบเรื่องที่จะมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาหรือไม่ อย่างไรก็ดีตามหลักกฎหมาย หากจำเลยมาไม่ครบศาลจะยังไม่อ่านคำพิพากษาไม่ได้โดยจะเลื่อนออกไปประมาณ 1 เดือน และจะนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง หากศาลนัดครั้งที่ 2 แล้วยังมาไม่ครบอีก ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ พร้อมกับออกหมายจับผู้ที่จงใจหลบเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาได้

" ศาลจะดูว่าเหตุผลที่จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาคืออะไร มีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ โดยทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล " ทนายความ ปปช. กล่าวและว่า ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ตนคงไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง เนื่องจากติดภารกิจ แต่จะส่งตัวแทนไปฟังพร้อมผู้แทน ป.ป.ช.

ด้านนายธนากร แหวกวารี ทนายของกลุ่มคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร คชก. จำลยร่วม กล่าวว่า เนื่องจากจำเลยมีหลายกลุ่ม ดังนั้นวันดังกล่าวจะมาครบหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ในส่วนของ คชก.จะเดินทางไปฟังคำพิพากษาครบแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมของศาลฎีกา ฯ ในการอ่านคำพิพากษานั้น ได้มีการประสาน ไปยังสถานีตำรวจนครบาลในพื้น จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสนับสนุน ดูแลความสงบเรียบร้อย ร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลที่มีอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ศาลได้ประสานเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาเตรียมพร้อมรับตัวจำเลยไปคุมขังเรือนจำ หากในวันดังกล่าวได้มีการอ่านคำพิพากษา

ส่วนที่จะมีประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาฟังคำพิพากษาจำนวนมากนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาได้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับถ่ายทอดภาพและเสียง ขณะองค์คณะ ฯ อ่านคำพิพากษาในห้องพิจารณาชั้น 4 อาคารศาลฎีกา ฯ ออกมายังห้องโถงภายนอก แต่ทั้งนี้ในวันดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดเสียงและภาพได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจองค์คณะผู้พิพากษาว่าจะพิจารณาอนุญาตให้มีการถ่ายทอดได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องจำเลยประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธาน คชก. จำเลยที่ 1 ,นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมช.คลัง ในฐานะเป็น คชก. จำเลยที่2 ,นายสรอรรถ กลิ่นปทุม รมว.เกษตรฯ ในฐานะเป็นคชก. จำเลยที่ 3 , นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรฯ ในฐานะเป็นผู้ริเริ่มโครงการ จำเลยที่ 4 และนายอดิศัย โพธารามิก อดีตรมว.พาณิชย์ ในฐานะเป็นคชก. จำเลยที่ 5 , กลุ่มคณะกรรมการบริหารโครงการกำหนดทีโออาร์ และคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา , บริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์จำกัด ในเครือซีพี ,บริษัทรีสอร์ทแลนด์จำกัด และ บริษัทเอกเจริญการเกษตรจำกัด ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-44 ในความผิดฐานในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ ทรัพย์สินใดใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตเสียหายแก่รัฐ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151, 157, 341 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook