อนุฯสอบซื้อเก้าอี้เชื่อ ศิริโชค ไม่มาให้ข้อมูลอัดนักการเมืองทุเรศ!!!
คณะอนุกรรมการ สอบซื้อขายตำแหน่งเรียก 5 ผบช. แจง17ส.ค. เชื่อ"ศิริโชค"ปฏิเสธให้ข้อมูล ไล่บี้ทุกบัญชีเอ็กซ์เรย์จุดต้องสงสัย เน้นคลี่คลายปม ส.ส.ปชป.กล่าวหาซื้อตำแหน่งหลักล้าน อัดนัการเมืองกล่าวหาว่ามีซื้อขายตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อยทุเรศมาก พูดไม่รับผิดชอบไม่รู้จริง ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์แฉอีก ซื้อขายสูงถึง 10 ล้าน "บรรณวิทย์" อัด"มาร์ค"ทำระบบราชการย่อยยับ
พล.ต.ท.เหมราช ธารีไทย คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ผู้ทรงคุณวุฒิ หนึ่งในคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ข้าราชการตำรวจในการแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการ(รองผบก.)จนถึงสารวัตรในวาระการปรับโครงสร้างใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ว่า นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะอนุกรรมการได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการทั้งหมดในวันที่ 17 สิงหาคม เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายสมศักดิ์ จะได้กำหนดประเด็นในการสืบสวนฯ ทั้งนี้ที่วางกันไว้จะมองตั้งแต่ใครเกี่ยวข้องในการทำบัญชีแต่งตั้งบ้าง เริ่มตั้งแต่ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.สั่งให้ทุกกองบัญชาการทำบัญชีเสนอขึ้นมาให้ตร.พิจารณา ซึ่งตรงนี้เอง ต้องไล่ตรวจสอบเทียบเคียงบัญชีกันว่า บัญชีแต่งตั้งที่แต่ละกองบัญชาการเสนอบัญชีมานั้น เสนอใครแต่งตั้ง โยกย้ายบ้าง และเมื่อมาถึงระดับตร.มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จุดใด เพราะเหตุใด ตรงนี้ต้องเอาบัญชีแต่งตั้งที่ทำไว้แล้วมาพิจารณากัน ดั้งนั้นในการประชุมวันที่ 17 สิงหาคม นอกจากจะเชิญนายศิริโชค โสภามาให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งทราบว่าเจ้าตัวปฏิเสธจะมา นอกจากนี้จะเชิญผู้บัญชาการ(ผบช.) 5 นายในพื้นที่ใกล้ๆ 5 กองบัญชาการการ มาให้ข้อมูลแก่คณะอนุกรรมการ
พล.ต.ท.เหมราช กล่าวด้วยว่า การพูดถึงการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนั้น พูดกันมานานมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่หาหลักฐานยาก และไม่มีใครยอมรับ มีแต่พูดกัน วิจารณ์กันไป แต่ในฐานะคณะอนุกรรมการก็ไม่หนักใจในการทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยจะหาความจริงให้ได้ ต้องตรวจสอบทุกประเด็นที่มีการกล่าวหารวมทั้งเรื่องที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ระบุถึงการซื้อตำแหน่งกันในหลักหลายล้านบาท แต่กรอบการทำงานของคณะทำงานจะตรวจสอบเพียงการแต่งตั้ง รองผบก.-สารวัตร ในการแต่งตั้งครั้งนี้เท่านั้น ระดับนายพลที่ผ่านไปสมบูรณ์แล้วและไม่มีการวิจารณ์แต่อย่างใด
"เรื่องนี้คนที่ออกมาพูด มากล่าวหาก็เป็นฝ่ายการเมือง บางเรื่องก็พูดเกินความจริง อย่างเช่นที่ออกกล่าวหาว่าตำรวจเริ่มซื้อขายตำแหน่งตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อย ผมอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจมา 17 ปี ต้องขอบอกว่าเรื่องที่กล่าวหา มดเท็จทั้งสิ้น การออกมาพูดแบบนี้ทุเรศมาก พูดไม่รับผิดชอบ และไม่รู้จริง ซึ่งความจริงนักเรียนนายร้อยตำรวจเมื่อจบออกมาจะเลือกที่ทำงานตามคะแนน ตามผลการเรียน คนที่ได้ลำดับต้นๆ ก็มีสิทธิ์เลือกก่อน ไล่เลียงกันไป ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างที่กล่าวหา" พล.ต.ท.เหมราช กล่าว
ก่อนหน้านี้นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ว่า ถึงกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรีข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพัน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งจะเป็นผู้สอบสวนเองนั้น ว่า การให้ตำรวจมาสอบตำรวจเรื่องวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีทางที่จะจับได้ เพราะคนในวงการตำรวจย่อมปกป้องศักดิ์ศรีของตำรวจด้วยกันเอง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบชุดที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน จึงไม่มีความหมาย เพราะการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจมีมาช้านาน ยิ่งในยุคนี้แต่ละลำดับชั้นจะเรตราคาซื้อขายกันชัดเจน เช่นระดับผู้บังคับการ (ผบก.) จะอยู่ที่ 10 ล้านบาท แต่หากบุคคลนั้นมีคุณสมบัติ มีความสามารถและใกล้ชิดสนิทสนมจะต่อรองราคาได้เหลือประมาณ 7-8 ล้านบาท ส่วนระดับรองผู้กำกับ จะลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ และบางคนจะไม่เรียกรับเงินเอง ทำตัวเป็นตำรวจตงฉิน แต่หลังบ้านจะเปิดรับ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เงินแต่อาจจะเป็นการให้พระ
ด้าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ปรึกษาและประธานคณะกรรมการตรวจสอบของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ กรณีรัฐบาลมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงไปปฏิบัติภารกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ รักษาราชการแทน (รรท.) ผบ.ตร. ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล ในฐานะที่เคยเป็นข้าราชการรู้ระเบียบดีว่า การตั้ง รรท.ผบ.ตร. นั้นจะมีเฉพาะเวลา ผบ.ตร.ไปต่างประเทศ หรือเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีเข้าใจผิดคิดว่า ภาคใต้ไม่ใช่ดินแดนของประเทศไทย ถึงได้สั่งให้ตั้ง รรท.ผบ.ตร.ขึ้นมา ซึ่งเท่ากับว่านายกฯกำลังปฏิบัติ 2 มาตรฐาน เพราะเวลานายกฯไป จ.บุรีรัมย์ ก็ไม่เห็นจะต้องตั้งรักษาการนายกฯ ให้มาทำหน้าที่แทน
"วันนี้นายอภิสิทธิ์ทำให้ระบบราชการไทยพังพินาศย่อยยับ เสียเกียรติยศมาก ถ้ามีการฟ้องร้องนายกฯ ท่านผิดแน่ แต่ต้องใช้เวลา ทั้งนี้เหตุที่ย้าย ผบ.ตร.ไปราชการใต้ หรือการปล่อยให้เสื้อเหลืองเสื้อแดงต่อสู้กันเรื่องการถวายฎีกา เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นให้คนไปสนใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะผลงานตัวเองไม่มี หรือโครงการชุมชนพอเพียงลือกันว่าทุจริตมากหรือไม่ ซึ่งเมืองไทยก็แปลกตรงที่ว่าข่าวลือนั้นมักจะเป็นจริง" พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าว
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงการตั้ง รรท.ผบ.ตร.ของนายกฯว่า มองว่าขั้นตอนการบริหารไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ควรออกคำสั่งให้พักราชการ หากต้องการจะย้าย ควรให้มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะดีกว่า แต่เหตุผลที่ให้ ผบ.ตร.ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การแต่งตั้งโยกย้ายถือเป็นสาเหตุหนึ่ง รัฐบาลไม่ควรดำเนินการกับ พล.ต.อ.พัชรวาทในลักษณะนี้ หากจะทำก็ทำเลย สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็มีความจำเป็นต้องย้าย พล.ต.อ.พจน์ บุญยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
"การปฏิบัติภารกิจภายในประเทศไม่มีความจำเป็นที่จะแต่งตั้งบุคคลมารักษาราชการแทน นอกจากตัว ผบ.ตร.ต้องการ เนื่องจาก ผบ.ตร.สามารถโทรศัพท์เข้ามาสั่งการได้" นายเสนาะ กล่าว และปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า การกระทำของนายกฯเป็นการการแทรกแซงการบริหารงานตำรวจและขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้จะทำให้เกิดการพลิกขั้วการเมืองอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจาก ผบ.ตร.เป็นน้องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเสนาะกล่าวว่า สื่อต้องโยงเอาเอง ใครเป็นพี่เป็นน้องใครก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนการที่มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบขายตำแหน่งของตำรวจ คิดว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่ เพราะภาพที่ออกมาสร้างความเสียหาย เรื่องนี้จะเล่นกันเอาเป็นเอาตายเลยหรือ ถ้าจะทำกันอย่างนี้ก็คิดว่าควรตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ และย้ายผบ.ตร.ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่า กรณีพรรคฝ่ายค้านออกมาโจมตีเรื่องนายกรัฐมนตรี เข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายตำรวจ และ พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชน ออกมาเรียกร้องการฟื้นระบบคุณธรรมให้กับคืนมาในวงการตำรวจว่า การที่บอกว่าเตรียมโยกย้ายคนของตัวเองเข้าไปเพื่อช่วยหลือพรรคในการเลือกตั้งในอนาคตนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง รัฐบาลไม่เคยคิดทำเหมือนในอดีตที่รัฐบาลชุดที่แล้ว
ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะยื่นกระทู้ถามต่อนายกรัฐมนตรีนั้น นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ขอยืนยันว่า นายกฯไม่คิดที่จะหนีการอภิปราย และพร้อมตอบทุกครั้ง ไม่เหมือนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ไม่ยอมมาตอบกระทู้ถามด้วยตนเอง