วรรณรัตน์ชี้กลางปี53ไม่นำเข้าLPG หลังโรงแยกก๊าซ6ผลิตเต็มที่
รมว.พลังงาน ชี้ถ้าแท็กซี่ 3หมื่นคันติดตั้งNGVครบตามกำหนด4เดือน และโรงแยกก๊าซ6เดินเครื่องเต็มที่ กลางปี'53ไม่ต้องนำเข้า LPG กว่า4แสนตันอีก
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่ารถแท็กซี่ที่ติดตั้งแอลพีจีที่เหลืออยู่ประมาณ 30,000 คัน จะเปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีทั้งหมดภายในระยะเวลา 4 เดือน(ส.ค.-พ.ย.52) ตามที่กระทรวงพลังงานได้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ฟรีรวม 1,200 ล้านบาท
เนื่องจากกระแสราคาน้ำมันสูงขึ้นถึงระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไม่เหมือนกับช่วงปลายปี 2551 ถึงต้นปี 2552 ที่ราคาประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงมาใช้เอ็นจีวีเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับกรณีรถแท็กซี่เอ็นจีวีจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าแอลพีจีทำให้มีเงินเหลือ 200-300 บาทต่อกะ และปั๊มเอ็นจีวี มีมากขึ้นยิ่งทำให้เจ้าของอู่แท็กซี่เปลี่ยนใจมาใช้เอ็นจีวีมากขึ้น
"หากแท็กซี่เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวี 30,000 คัน เท่ากับลดการใช้แอลพีจีได้ 30,000 ตันต่อเดือน ประกอบกับโรงแยกก๊าซธรรมชาติโรง 6 ของ ปตท.จะเริ่มผลิตได้เต็มที่เดือนมิถุนายน 2553 แยกแอลพีจีได้ 400,000 ตันต่อเดือน จึงมั่นใจว่าไทยจะไม่ต้องนำเข้าแอลพีจีอีกในกลางปีหน้า"
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า หลังเดือนสิงหาคม 2553 ที่รัฐบาลยกเลิกประกาศตรึงราคาแอลพีจี, เอ็นจีวีแล้ว จะตัดสินใจปรับขึ้นราคาหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้เพราะยังอีกไกล และยังไม่ทราบว่าช่วงนั้นการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ขณะนี้ก็ได้พิจารณาลดค่าใช้จ่ายประชาชนให้มากที่สุด ส่วนกรณีตรึงค่าไฟฟ้า โดยทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) มีภาระเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านบาทนั้น ในกรณีนี้หาก กฟผ.จำเป็นต้องขอออกพันธบัตร เพื่อเสริมสภาพคล่องก็ย่อมทำได้ โดยพันธบัตรเหล่านี้รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน
ทั้งนี้ ประเทศไทยเริ่มนำเข้าก๊าซแอลพีจี ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ไทยตรึงราคาแอลพีจี และรถยนต์หันมาใช้แอลพีจีทดแทนน้ำมันเบนซินในปีที่แล้ว ทำให้ไทยนำเข้าสูงถึง 446,000 ตัน ในปี 2551 และในปีนี้ช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีการนำเข้าลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง ละในขณะนี้เพิ่มขึ้น คาดว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2552 จะมีการนำเข้าประมาณ 70,000 ตันต่อเดือน