สั่งเด้ง 3 ตำรวจเซ่นปมรีดเงินพ่อค้าลูกหอยแครง 5 ล้าน เจอชาวบ้านลุกฮือล้อมรถ

สั่งเด้ง 3 ตำรวจเซ่นปมรีดเงินพ่อค้าลูกหอยแครง 5 ล้าน เจอชาวบ้านลุกฮือล้อมรถ

สั่งเด้ง 3 ตำรวจเซ่นปมรีดเงินพ่อค้าลูกหอยแครง 5 ล้าน เจอชาวบ้านลุกฮือล้อมรถ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อค้าลูกหอยแครง เข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังถูก 3 ตำรวจภาค 8 รีดไถ่เงิน 5 ล้าน แต่กลุ่มชาวบ้านเห็นปืนจึงเข้ามาช่วยปิดล้อมรถ

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย สังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 เข้าไปจับกุมพ่อค้าลูกหอยแครง และเรียกเงิน 5 ล้านบาท เป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ไม่ถูกดําเนินคดี เพื่อแลกกับการไม่ให้จับกุมเรื่องซื้อขายลูกหอยแครง จนกระทั่งชาวบ้านกว่า 300 คน เข้ามารุมล้อมรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.)

ล่าสุด วันนี้ (21 พ.ค.) พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ได้สั่งการให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 นาย มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค8(ศปก.ภ.8) จังหวัดภูเก็ต พร้อมกำชับห้ามไม่ให้กลับเข้าไปในพื้นที่

ขณะที่ นายอรุชา อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้เดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.อ.เขมอธิษฐ์ ทองคำ รองสารวัตร (สอบสวน) เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 21 พ.ค.ที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาย 3 คน ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนข่มขู่ และรีดไถ่เงิน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ให้จับกุมเรื่องซื้อขายลูกหอยแครง

นายอรุชา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ได้มีชายคล้ายเจ้าหน้าจำนวน 3 คน เดินถืออาวุธปืนมาหาที่ขึ้นหอย บริเวณศาลาชุมชน หมู่ที่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเจรจาเรื่องลูกหอยแครง ว่าตนเองทำผิดกฎหมายโดยใช้คำพูดข่มขู่และใช้อาวุธปืนจี้เอวไว้ ถามว่าหอยไปไหนและบังคับให้ไปคุยข้างนอก แต่ตนเองบอกกลับไปว่าไม่ไป

จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าวจึงได้พูดว่าถ้าจะคิดทำหอยต้องเอาเงินมาจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี โดยทั้งหมดไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานไหน จากนั้นชาวบ้านเห็นว่าทั้งหมดมีอาวุธปืน จึงได้ช่วยกันปิดล้อมรถเอาไว้

ซึ่งหลังจากรับทราบว่ามีการย้ายออกไปภาค 8 ที่ภูเก็ต และมีการตั้งคณะกรรมการสอบ นายอรุชา บอกว่า ยังไม่พอใจกับการดำเนินการของผู้บังคับบัญชาของตำรวจ อยากให้นายตำรวจออกมาชี้แจงให้ชาวบ้านได้สบายใจและปลอดภัยสามารถประกอบอาชีพได้อย่างสบายใจ

ทั้งนี้ ที่ตนเดินทางเข้าแจ้งความเพื่อความสบายใจ และตามความเป็นจริงที่ตนเองได้ถูกกระทำมา เพราะชาวบ้านก็ยังคลุมเครือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook