นักวิจัยเผย ชาวออสเตรเลียตายเพราะโลกร้อนนับหมื่น วอนบรรจุเป็นสาเหตุการตาย

นักวิจัยเผย ชาวออสเตรเลียตายเพราะโลกร้อนนับหมื่น วอนบรรจุเป็นสาเหตุการตาย

นักวิจัยเผย ชาวออสเตรเลียตายเพราะโลกร้อนนับหมื่น วอนบรรจุเป็นสาเหตุการตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แคนเบอร์รา, 21 พ.ค. (ซินหัว) — คณะนักวิจัยออสเตรเลียเสนอให้เพิ่ม “การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ” เป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ หลังการศึกษาฉบับหนึ่งพบว่าการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความร้อนนั้นไม่ได้รับการรายงานตามความเป็นจริง

การศึกษาดังกล่าวซึ่งเผยแพร่โดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) เมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) พบว่าความร้อนตามธรรมชาติที่มากจนเกินไปนั้น เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของผู้คน มากกว่าจำนวนคนที่ได้รับการบันทึกว่าเสียชีวิตเพราะสาเหตุนี้ อยู่อย่างน้อย 50 เท่า

ผลวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในออสเตรเลียที่ควรถูกระบุสาเหตุการตายว่าเป็นเพราะความร้อนมากถึง 36,765 ราย ทว่าพวกเขากลับถูกระบุสาเหตุการตายในใบมรณบัตรเช่นนั้นจริงๆ เพียง 340 รายเท่านั้น

“การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเป็นเหมือนเพชฌฆาต แต่เราไม่ยอมรับมันให้อยู่ในใบมรณบัตร” อาร์นาเกรตตา ฮันเทอร์ (Arnagretta Hunter) ผู้วิจัยร่วมของการศึกษานี้ จากคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ กล่าวในเอกสารแถลง

“หากเกิดคุณหอบกำเริบแล้วเสียชีวิตระหว่างสูดควันจากไฟป่าเข้าไปเยอะมาก ก็ควรระบุข้อมูลนี้ลงในเอกสารยืนยันการเสียชีวิตให้ครบถ้วน”

“เราวินิจฉัยโรคอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้ แต่เรากลับใส่ใจเรื่องปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอย่างอากาศร้อนหรือควันไฟป่าน้อยกว่า” ฮันเทอร์กล่าว พร้อมเสริมว่าอากาศร้อนเป็นภัยใหญ่หลวงที่สุดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในออสเตรเลีย

การศึกษาระบุว่าความร้อนตามธรรมชาติที่สูงเกินไปนั้นเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตราวร้อยละ 2 ในออสเตรเลีย

ฮันเทอร์เสริมว่าการยืนยันการเสียชีวิตของออสเตรเลียต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อให้ครอบคลุมผลกระทบของภาวะโลกร้อน

“การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศคือภัยต่อสุขภาพที่ใหญ่หลวงที่สุด ซึ่งเราทั้งโลกจะต้องเผชิญ หลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฮันเทอร์ย้ำ

“เรารู้กันว่าไฟป่าในหน้าร้อนเป็นผลมาจากความร้อนและความแห้งแล้งที่สูงผิดปกติ ขณะที่ผู้เสียชีวิตในเหตุไฟป่านั้นไม่ได้มีแค่นักผจญเพลิง แต่ยังมีชาวออสเตรเลียอีกไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะสูดควันไฟ” ฮันเทอร์ทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook