คิม จอง อิล ผู้นำโลกอาลัย คิม แด จุง
ผู้นำเกาหลีเหนือร่วมกับผู้นำโลกในการแสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีคิม แด จุงของเกาหลีใต้
(19ส.ค.) สำนักข่าวกลางของเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ว่า นายคิม จอง อิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้ส่งสารแสดงความเสียใจถึงครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง ของเกาหลีใต้ ผู้เสียชีวิตด้วยวัย 85 ปี ที่โรงพยาบาลในกรุงโซลเมื่อวันอังคาร จากโรคนิวมอเนียและโรคแทรกซ้อนอื่นๆโดยสารมีใจความว่า หลังได้ทราบข่าวเศร้าเรื่องการถึงแก่อสัญกรรม เขาขอแสดงความเสียใจมายังนางรี ฮุยโฮ และสมาชิกในครอบครัว และว่าผลงานที่นายคิม แด จุงได้ทำไว้เพื่อสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ กับความปรารถนาเรื่องการรวมชาติจะยังคงอยู่คู่กับประเทศไปอีกยาวนาน
อดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผู้ใช้เวลาหลายสิบปีต่อสู้กับบรรดารัฐบาลเผด็จการทหารของเกาหลีใต้ จนในที่สุดเขาได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีระหว่างปี 2541-2546 และเขาได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสองเกาหลีกับนายคิม จอง อิล เมื่อปี 2543 ซึ่งทำให้เขาได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีเดียวกัน
นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ผู้เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้ออกแถลงการณ์ยกย่องนายคิม แด จุง ผู้อุทิศตนเพื่อสันติภาพ ประชาธิปไตย และความรุ่งเรืองของคาบสมุทรเกาหลี และว่าเขาสร้างแรงบันดาลใจให้คนหลายล้านคนจากความมุ่งมั่นที่จะรวมชาติเกาหลีภายใต้"นโนบายตะวันฉาย" (sunshine policy) ของเขา
ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐฯได้ระบุในแถลงการณ์แสดงความเสียใจในนามชาวอเมริกันต่ออดีตผู้นำเกาหลีใต้ ผู้ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นแชมเปี้ยนผู้กล้าหาญทั้งด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีความพยายามอันไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ผู้ปกครองสหรัฐในช่วงเดียวกับอดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง และเพิ่งเดินทางไปกรุงเปียงยางในเดือนนี้เพื่อช่วยปลดปล่อยสองผู้สื่อข่าว หญิง ได้ยกย่องว่านโยบายตะวันฉายของนายคิม เพิ่มความหวังที่จะเกิดสันติภาพอันยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี ยิ่งกว่าช่วงเวลาอื่นใดนับจากสงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496
อดีตผู้นำสหรัฐฯกล่าวด้วยว่า นายคิม แด จุงเป็นผู้นำที่กล้าและมีวิสัยทัศน์ ผู้นำประเทศเกาหลีใต้ให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจอันร้ายแรง แผ้วถางทางไปสู่สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก และสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ