อดีตเมียไม่เชื่อเจ้าของบ้านเช่าแอบกิ๊กเมียคนอื่นจนถูกฆ่า ยืนยันไม่ใช่คนเจ้าชู้

อดีตเมียไม่เชื่อเจ้าของบ้านเช่าแอบกิ๊กเมียคนอื่นจนถูกฆ่า ยืนยันไม่ใช่คนเจ้าชู้

อดีตเมียไม่เชื่อเจ้าของบ้านเช่าแอบกิ๊กเมียคนอื่นจนถูกฆ่า ยืนยันไม่ใช่คนเจ้าชู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตภรรยาวอนอย่าใส่ร้ายคนตาย ไม่เชื่อเจ้าของบ้านเช่าเป็นชู้กับเมียคนอื่นจนถูกฆ่า ยืนยันผู้ตายไม่ใช่คนเจ้าชู้

ความคืบหน้ากรณี นายทองดี อายุ 58 ปี ได้ก่อเหตุใช้ท่อนไม้ไผ่กระหน่ำตี นายชำนาญ อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านเช่าแห่งหนึ่งในเขตเทศบาล ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมคาห้องพัก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. ในสภาพท่อนล่างเปลือยสวมเพียงเสื้อตัวเดียว โดยอ้างว่าแค้นที่ไปแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันชู้สาวกับ นางเอ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ภรรยาของตัวเอง 

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (22 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.โนนดินแดง เจ้าของคดี ได้ทำเรื่องส่ง นายทองดี ฝากขังศาลจังหวัดนางรองแล้ว พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดหนองสะแกกวน ต.ส้มป่อย อ.โนนดินแดง ที่ญาติได้นำศพนายทองดีไปตั้งบำเพ็ญกุศล บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้า

โดยเฉพาะ นางสายชล อายุ 50 ปี อดีตภรรยาของนายทองดี ที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า เท่าที่ตนอยู่กินกับสามีมา ฝ่ายชายก็ไม่เคยแสดงพฤติกรรมเจ้าชู้ ส่วนสาเหตุที่แยกทางกันเพราะรับไม่ได้ที่สามีชอบดื่มเหล้า แต่หลังจากแยกกันตนและลูกๆ ก็ยังแวะมาหาอยู่เรื่อยๆ

ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินว่าอดีตสามีไปคบหากับใคร แต่กลับมาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ แล้วมาใส่ร้ายว่าไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ตนก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับอดีตสามี เพราะคนตายไปแล้วไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นมาแก้ตัวได้

ตนอยากวอนสังคมและชาวบ้านให้ความเป็นธรรมให้กับอดีตสามี และเห็นใจครอบครัวญาติพี่น้องคนตายด้วย ซึ่งส่วนตัวไม่ขออโหสิกรรมให้กับผู้ต้องหา และไม่ต้องมาขอขมาศพ เพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้คนร้ายถูกลงโทษตามกฎหมายถึงที่สุด

ขณะที่ นางบุพผา อายุ 65 ปี พี่สาวคนตาย บอกว่า น้องชายเป็นคนรักครอบครัว ที่แยกกับภรรยาก็เพราะเหตุผลส่วนตัว แต่ยืนยันว่าน้องชายไม่เคยมีพฤติกรรมเจ้าชู้ จึงไม่เชื่อว่าสาเหตุถูกทำร้ายเสียชีวิต เพราะไปเป็นชู้กับเมียคนอื่น น่าจะถูกใส่ร้ายกล่าวหามากกว่า

เพราะโซเชียลเผยแพร่ออกไปจะเป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา และภรรยามากกว่า คนตายไม่มีโอกาสที่จะลุกขึ้นมาชี้แจงได้ ก็ไม่อยากให้ประณามกล่าวหาทั้งที่ไม่เป็นความจริง อยากให้นึกถึงความรู้สึกของครอบครัวญาติพี่น้องคนตายด้วยว่าจะรู้สึกยังไงที่ถูกกล่าวหาเสียหายแบบนี้ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด      

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook