เจ้าอาวาสวอน หยุดตัดหินงอกหินย้อยออกไปจากถ้ำ ชี้เป็นหินธรรมดา ไม่ใช่ของขลัง

เจ้าอาวาสวอน หยุดตัดหินงอกหินย้อยออกไปจากถ้ำ ชี้เป็นหินธรรมดา ไม่ใช่ของขลัง

เจ้าอาวาสวอน หยุดตัดหินงอกหินย้อยออกไปจากถ้ำ ชี้เป็นหินธรรมดา ไม่ใช่ของขลัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พระวีระภัทร ติละสังวโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ “วัดถ้ำธรณีสิริราม” หมู่ที่ 11 ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย นำสื่อมวลชนพร้อมเจ้าหน้าที่จาก อบต.นาขุนไกร เข้าชมถ้ำธรณี ที่อยู่บริเวณด้านหลังสำนักสงฆ์แห่งนี้ พร้อมวอนญาติโยม ที่ขอเข้าไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมภายในถ้ำ อย่าแอบตัดหินงอกหินย้อยและนำออกไปจากถ้ำแห่งนี้เลย เพราะเป็นการทำลายธรรมชาติ. ซึ่งพระวีระภัทร กล่าวว่าอาจเป็นความเชื่อของคนที่แอบเอาหินงอกหินย้อยออกไป บางคนคิดว่าเป็นเหล็กไหล บ้างก็ว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นของดีของวิเศษ จึงแอบเอาไปปลุกเสกทำเครื่องรางของขลัง พระวีระภัทร กล่าวว่าถือเป็นความเชื่อที่ผิด ความจริงหินเหล่านี้ก็เป็นแค่หินธรรมดา ที่เกิดจากธรรมชาติ เป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี กว่าจะออกมาสวยงามได้อย่างนี้ เราต้องช่วยกันรักษาไว้ให้ลูกหลานได้ดูไม่ใช่มาทำลายอย่างนี้

สำหรับการเดินทางเข้าไปยังถ้ำแห่งนี้ต้องเดินเท้าขึ้นไปด้านหลังวัดประมาณ 30 เมตรด้วยเส้นทาง ที่เป็นโขดหินลักษณะหน้าผาเมื่อถึงปากถ้ำจะมีช่องให้ลงได้ทีละ 1 คนโดยใช้บันไดลิงสูงประมาณ 7 เมตรความกว้างของถ้าจะอยู่ที่ประมาณ 20 เมตร แบ่งเป็น 2 โถง และภายในถ้ำจะพบหินงอกหินย้อยมีลักษณะ ตามธรรมชาติ ที่สวยงาม แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็จะเห็นหินย้อยหลายจุดที่ถูกหักทำลายและ บางจุดคล้ายกับโดนค้อนทุบหักปลาย ซึ่งการกระทำแบบนี้เป็นการทำลายธรรมชาติ ที่สวยงาม และกว่าจะกลับมาสวยงามได้แบบเดิมอีกก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยปี

ขณะที่นางจริยา ปานบุตร รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาขุนไกร พร้อมคณะได้เข้ามาสำรวจและ กล่าวว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการทำร้ายธรรมชาติ เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของธรรมชาติในถ้ำธรณีแห่งนี้ และจากการสำรวจพบมีร่องรอยการทำลายหินงอกหินย้อยหลายจุด หลังจากนี้ตนและคณะจะกลับไปประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อจัดเวรยามในการเข้ามาดูแลพื้นที่อีกครั้ง อีกทั้งจะร่วมกันทำความเข้าใจกับชุมชน ในเรื่องของการรักษาธรรมชาติ ป่าไม้ และการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ เพื่อเก็บสิ่งที่สวยงามนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ดูต่อไปในอนาคต โดย อยากให้ผู้เข้ามาเที่ยวชมยังวัดถ้ำธรณีสิริราม ได้ร่วมกันสร้างจิตสำนึก ว่าที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งอาจจะเปิดเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมได้ในอนาคต และจะได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติในจังหวัดสุโขทัย อีกครั้งเพื่อเข้ามาตรวจสอบความเสียหายภายในถ้ำต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook