ยังไม่จบ! "พันธ์ยศ" แฉคนใกล้ตัว "อัจฉริยะ" พัวพัน "เสี่ยบอย" และแก๊งกักตุนหน้ากาก
นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน และ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ เปิดเผยว่าได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในคดีที่ได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย 4 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังเเจ้งความเเก๊งหน้ากากผีบุกรุกใช้พื้นที่ของตนเเละลักทรัพย์รวมทั้งข่มขู่คุกคามพนักงานของตน โดยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับตนเพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานในสำนวนคดี
นายพันธ์ยศ กล่าวว่า ตนเป็นผู้ครอบครองบ้านเลขที่ 536/6 หมู่ที่ 5 แขวงสะพานสูง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยใช้เป็นที่ตั้งของพรรคภราดรภาพเเละช่วงกลางเดือน ก.พ. 2563 ช่วงกลางคืนนั้นพบว่านายธนโชติ สว่างโลกเเละพวก ซึ่งเป็นคนที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พาเข้าไปแจ้งความว่า ตนฉ้อโกงเงินค่าหน้ากากอนามัย เป็นจำนวน 4.7 ล้านบาทจากนายธนโชติเเละพวกนั้นเข้ามาบุกรุกในบ้านหลังนี้
นายพันธ์ยศ กล่าวว่า คนพวกนี้รวมกันเป็นเเก๊งหน้ากากผีที่หากินลวงสังคมเรื่องหน้ากากอนามัยเเละเมื่อรวมกลุ่มกันมากๆ ก็อาจจะทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุก เเละประทุษร้ายทรัพย์สิน อย่างที่ตนได้ประสบหลังจากโดนคนกลุ่มนี้บุกรุกบ้านหลังดังกล่าวเพื่อเข้าไปลักทรัพย์และสร้างความเดือดร้อนทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นที่ทำการของพรรคภราดรภาพ
"แม้ว่าตนจะลาออกจากการเป็นสมาชิกและประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพแล้วเเต่เรื่องนี้ถือว่าสังคมควรจะต้องรับรู้ว่าความวุ่นวายต่างๆ เกิดขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ทำงานเป็นกระบวนการอย่างแนบเนียน อีกทั้งในวันเกิดเหตุคนพวกนี้ยังพกพาอาวุธปืน เข้าไปยังที่ทำการของพรรคภราดรภาพในตอนนั้นโดยไม่มีเหตุอันควร และนำมาใช้ข่มขู่พยานที่เป็นคนของตนในที่เกิดเหตุทำให้หวาดกลัว เพื่อไม่ให้พยานนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาบอกกับตน แต่โชคยังดีที่มีการห้ามปรามเอาไว้ จึงไม่ได้มีใครได้รับอันตราย" นายพันธ์ยศ กล่าว
นายพันธ์ยศ กล่าวอีกว่า ทราบว่าคนทั้งหมดที่บุกรุกนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งในทางธุรกิจหลากหลายที่ลวงโลกเพราะข้อมูลที่ตนมีอยู่พบว่าแก๊งหน้ากากผียังทำธุรกิจสีดำและสีเทา โดยเป็นไปตามที่นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือบอยได้นำไปโพสต์ในสังคมออนไลน์เพื่อตั้งใจจะหลอกลวงเหยื่อโดยการนำเสนอขายสินค้าหลายอย่างทั้งถูกเเละผิดกฎหมาย ผ่านทางแอปพลิเคชัน ไลน์ ตามที่ตนได้ให้หลักฐานกับทางพนักงานสอบสวนไปบ้างเเล้ว
และตอนนี้แก๊งหน้ากากผีและแก๊งกักตุนสินค้าได้ร่วมมือวางแผนให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นโดยมีนายธนโชติ และนายศรสุวีร์ รวมทั้งยังมีตัวละครเพิ่มมาอีก 1 คนคือนายณฐพบ ลิ้มรสฉ่ำ ที่เเอบอ้างตัวเองว่าเป็นนายตำรวจยศร้อยตำรวจโทเเละใกล้ชิดผู้ใหญ่โดยพฤติกรรมของคนเหล่านี้ที่หลอกสังคมมาหลายครั้งเเละสร้างความเดือดร้อนให้กับตนและครอบครัวเป็นอย่างมากเพราะไปลวงสังคมว่า ตนร่วมขบวนการนี้ด้วย
อีกทั้งเรื่องนี้ถือว่าเป็นภัยต่อสังคม ตนจึงต้องทำหน้าที่ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง คนพวกนี้ทำผิดกฎหมาย หลอกสังคม พยายามจะโยนความผิดไปให้ บุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลา ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนได้เคยให้โอกาสกับบุคคลในกลุ่มนี้หลายคนนำประสบการณ์และความรู้ ไปประกอบอาชีพได้อย่างสุจริต แต่กลับถูกคนกลุ่มนี้กล่าวหาและชี้เป้าขบวนการต้มตุ๋นสังคมมาที่ตนเพียงคนเดียว ดังนั้นตนจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อจัดการเเก๊งลวงโลกนี้ให้ยุติโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา นายพันธ์ยศ ได้กล่าวว่า เห็นถึงการทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยมาตั้งแต่ต้น แม้ว่าในที่ผ่านมาอาจจะมีบางเรื่องราวที่มีความซับซ้อน ทำให้การผูกเรื่องอาจจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้างเเละบางส่วนพาดพิงมายังตนในเชิงลบ เเต่ได้เมื่อคุยกันเเล้วก็เข้าใจกัน ในช่วงหลังตนคิดว่านายอัจฉริยะกำลังเดินมาถูกทางแล้ว และกำลังจะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ จึงได้ขอเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลที่ตนทราบเพิ่มเติม เเละบางส่วนมอบให้เจ้าหน้าที่รัฐไปเเล้วเพื่อเเกะรอยเเก๊งหน้ากากผีที่ตนมีข้อมูล