ตายืนยันมั่นใจ “น้องอิ่มบุญ” เป็นลูกแท้ๆ ของแม่ปุ๊ก เผยหลานอาการป่วยไม่เหมือนกัน
วานนี้ (23 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวอีจันได้ลงพื้นที่พบ คุณพ่อของแม่ปุ๊ก ซึ่งเป็นตาของหลานๆ น้องอมยิ้ม-น้องอิ่มบุญ เขาได้เปิดเผยกับอีจันว่าครอบครัวของตนนั้นอยู่กัน 4 คน ได้แก่ พ่อแม่ ลูก 2 คน (รวมแม่ปุ๊ก) ตนเลี้ยงดูลูกอย่างดี ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายใดๆ
“น้องยิ้ม ไม่ใช่ลูกของ แม่ปุ๊ก ไม่ใช่หลานแท้ๆ ไม่ใช่หลานในไส้ เพิ่งจะรู้จริงๆ” เดิมนั้นตนเชื่อมาตลอดว่า น้องยิ้มคือหลานแท้ๆ จนเมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 ที่ตำรวจกองปราบปราม เข้าจับกุมตัวลูกสาว (แม่ปุ๊ก) จึงทราบความจริงว่า ไม่ใช่ ยอมรับว่า ตกใจมาก เพราะไม่รู้ข่าวอะไรเลย ไม่มีหมายเรียกให้ไปสอบปากคำ มีแต่หมายจับ ครอบครัวไม่ทันได้ตั้งตัว
หลังจากแม่ปุ๊กเรียนจบ ลูกสาวก็ไปฝึกงานแถวลำลูกกา นานๆ ครั้งจะกลับบ้านบ้าง บางทีเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน ทำให้ตนไม่ทราบว่าลูกสาวตั้งครรภ์ จนลูกสาวโทรมาบอกตนว่ามีน้อง ตนจึงไปรับลูกสาวและน้องยิ้ม ในวัย 3-4 วัน มาอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นมีแฟนคนแรกของลูกสาวมาพักที่บ้านย่านแขวงสีกันนี้ด้วย แต่ลูกเขยที่ตนเข้าใจว่าเป็นพ่อน้องยิ้มอยู่บ้านได้ 3-4 เดือนก็เลิกรากันไป จากนั้นตนและภรรยา (ยายของน้องยิ้ม) รวมทั้งลูกสาว (แม่ปุ๊ก) ช่วยกันเลี้ยงน้องยิ้มตลอดมา
ปกติน้องยิ้มเป็นเด็กร่าเริง สดใส ตามวัย แต่ก็เกิดเรื่องน่าเศร้า เมื่อเดือนกันยายน ปี 2561 น้องอมยิ้มในวัย 2 ขวบกว่า ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.ภูมิพล ด้วยอาการแพ้แป้งสาลี และป่วยด้วยโรคภูมิแพ้หลายอย่าง ตามที่แพทย์แจ้ง
ต่อมาเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561 น้องยิ้มอาเจียนเป็นเลือดรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ภูมิพล กระทั่งธันวาคม 2561 อาการน้องยิ้มเริ่มหนักขึ้น อาเจียนเป็นเลือด ตนไม่รู้ว่าน้องยิ้มป่วยด้วยโรคอะไร แพทย์แจ้งว่าต้องรักษาเฉพาะทางโดยการส่องกล้อง แม่ปุ๊กจึงย้ายน้องยิ้มมารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์ และเข้าออก รพ. เพื่อรักษาตัวอยู่นาน
เดือนกรกฎาคม 2562 น้องอมยิ้มเข้า รพ.ธรรมศาสตร์ อีกครั้ง และไม่ได้กลับออกจาก รพ.อีกเลย และท้ายที่สุด 12 สิงหาคม 2562 น้องยิ้มเสียชีวิต แพทย์วินิจฉัยและแจ้งในใบมรณบัตรว่า น้องยิ้มเสียชีวิตจาก ตับวายเฉียบพลัน
ในช่วงที่น้องยิ้มรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล พ่อของแม่ปุ๊กบอก เขาได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมหลานเกือบทุกอาทิตย์ ในวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาตนต้องทำงาน การรับรู้อาการป่วยของน้องยิ้มนั้น ตนเห็นเองบ้าง และจากคำบอกเล่าของ แม่ปุ๊กบ้างเพราะแม่ปุ๊กจะเป็นคนเฝ้าดูแลน้องยิ้มตลอดเวลา
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องยิ้ม แม่ปุ๊กจะเป็นคนจัดการเองด้วยการขายของออนไลน์ โดยน้องยิ้มเป็นพรีเซนเตอร์ขายของ จนกระทั่งหมอแจ้งว่าจะต้องเจาะเลือดน้องยิ้มไปตรวจแล็ปนอก เพื่อดูอาการน้องยิ้ม และจำเป็นต้องใช้เงินประมาณ 80,000 บาท ครอบครัวจึงปรึกษากันเรื่องลงโพสต์ขอรับบริจาค และเมื่อได้เงินครบตามที่ต้องการต้องปิดรับบริจาคทันที แต่หลังจากนั้นตนไม่รู้ว่ามีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
เมื่อถามถึงเรื่องของน้องอิ่ม คุณพ่อของแม่ปุ๊ก เปิดเผยว่าน้องอิ่มเป็นลูกแท้ๆ ของแม่ปุ๊ก เพราะวันที่แม่ปุ๊กเจ็บท้อง ตนไปเป็นคนไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพลเอง แต่ตนไม่รู้ว่าเป็นการเจ็บท้องคลอด เพราะไม่รู้มาก่อนว่าลูกสาวท้อง
พ่อเล่าว่า ก่อนที่แม่ปุ๊กจะเจ็บท้อง ได้กินยาสตรี เพราะประจำเดือนไม่มา พอกินไปแล้วประจำเดือนก็มากระปริบกระปรอย และในช่วงนี้ไม่ได้มีการคบหากับใคร เรื่องผ่านไม่นาน แม่ปุ๊กถูกรถเฉี่ยวจนรถล้ม ก้นกระแทกพื้น แต่ก็ไม่ได้มีการแท้งเกิดขึ้น นั่นจึงทำให้ตนและครอบครัวไม่คิดว่าลูกสาวจะท้อง และไม่ได้มีการฝากท้องน้องอิ่มใดๆ เท่าที่ตนทราบ
ซี่งช่วงมีน้องอิ่มคือ ประมาณปี 2560 เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับที่น้องยิ้มเริ่มมีอาการป่วย หลังจากที่มีน้องอิ่มออกมา แม่ปุ๊กบอกกับตนว่า พี่ที่เคยทำงานด้วยกันน่าจะเป็นพ่อของน้องอิ่ม เพราะหลังจากที่มีอะไรกันแม่ปุ๊กได้กินยาคุมฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันว่า น้องอิ่มคือลูกของแม่ปุ๊กแน่นอน เพราะตนเป็นคนไปส่งลูกสาวคลอด เป็นคนแจ้งเกิดและตั้งชื่อให้น้องอิ่มเองที่โรงพยาบาล แต่ถ้าผลตรวจ DNA ออกมาแล้วไม่ใช่ลูกของแม่ปุ๊ก ตนก็คงช็อก
พ่อเล่าต่อว่า ตอนนั้น น้องยิ้มยังอยู่ที่บ้าน พอเริ่มป่วยก็เข้าโรงพยาบาล ตนและแฟนของตน (ยายน้องอิ่ม) จึงเป็นคนเลี้ยงหลานคือ อิ่มบุญเอง ส่วนในเรื่องของอาการป่วยของน้องอิ่มและน้องยิ้ม ตนมองว่าไม่คล้ายกันเลย
น้องยิ้ม อาเจียนเป็นเลือดในขณะที่ น้องอิ่ม เกิดอาการผื่นขึ้นทั้งตัว เชื่อว่า เป็นเพราะกินปลาหมึก ที่อุบลฯ ในช่วงเก็บของหลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว แม่ปุ๊กจึงถ่ายรูปส่งให้แพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์ ที่เคยดูแลเคสน้องยิ้มเรื่องภูมิแพ้อยู่ แพทย์แนะนำให้พามาดูอาการที่รพ. ว่าเป็นโรคภูมิแพ้เหมือนกับน้องยิ้มหรือไม่
พ่อของแม่ปุ๊กเผยว่า การเลี้ยงลูกของแม่ปุ๊ก คือ ปล่อยอิสระ ให้ลูกวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ซึ่งในตอนนั้นทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันทั้งหมดที่อุบลฯ แต่ตนกลับมาบ้านก่อน
สุดท้ายตนอยากฝากถึงสื่อและสังคมว่า ในตอนนี้ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ ยังสรุปไม่ได้ แต่ในสังคมโซเชียลสรุปกันไปเองแล้ว บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ตนเครียดมาก เหมือนตอนนี้สังคมลงโทษแล้วว่าครอบครัวตนเป็นครอบครัวที่ไม่ดี ตนต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวอยู่เพียงลำพัง อยากให้สังคมแยกแยะสักนิดว่าอะไรเป็นอะไร ตนยอมรับสภาพทุกอย่าง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่รู้มาก่อนว่า น้องยิ้มไม่ใช่ลูกของแม่ปุ๊ก ตนเพิ่งรู้วันที่แม่ปุ๊กให้การกับตำรวจ ส่วนน้องอิ่มตนยืนยันเป็นลูกของแม่ปุ๊กจริงๆ เพราะตนเป็นคนไปส่งคลอดเอง ส่วนลูกสาวของตนทำอะไรบ้าง ตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง เพราะต้องแยกกันทำงาน
พ่อของแม่ปุ๊กยังเสริมว่า ตนแปลกใจ ทำไมวันที่จับแม่ปุ๊กกับวันที่ พม.พาน้องอิ่มไปบ้านพักเด็ก จึงเป็นวันเดียวกัน เหมือนเป็นการนัดกัน วันที่เข้าจับแม่ปุ๊กตำรวจอ่านหมายจับให้ฟัง โดยส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องสารเคมี ในข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง ส่วนข้อหาฉ้อโกง กองปราบปรามได้สอบปากคำแม่ปุ๊กในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ตนไม่ได้ไปด้วย
ถามคำถามสุดท้าย พ่อเชื่อหรือไม่ว่าลูกสาวบริสุทธิ์ พ่อตอบได้เพียง ไม่เคยเห็นแม่ปุ๊กทำร้ายลูก แต่ก็ต้องเป็นไปตามหลักฐานของตำรวจตนพร้อมยอมรับ