"หลวงพ่อดี" ยอมออกกรรมฐานแล้ว หลังขังตัวเองในกรงเหล็ก 65 วัน อดอาหาร ฉันปัสสาวะ
หลวงพ่อดี เจ้าสำนักสงฆ์เพชรบูรณ์นั่งกรรมฐาน ฉันฉี่แทนข้าว โดยขังตัวเองนาน 65 วัน ยอมออกจากการนั่งกรรมฐานแล้ว มีเรื่องเร่งด่วนต้องทำก่อน
(25 พ.ค.63) พระสุวัฒน์ สุวฒฺธนโน หรือ หลวงพ่อดี อายุ 63 ปี เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าพุทธอุทยาน หมู่ 2 ต.ห้วยใหญ่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ซึ่งเข้านั่งกรรมฐาน โดยการขังตัวเองอยู่ในกรงเหล็กภายในเจดีย์ และไม่ยอมพูดคุยกับใคร แต่ มีข้อความ ที่พระสุวัฒน์ เขียนไว้คือ “ธรรมะไม่กลับมา โลกาจะวินาศ อธิษฐานจิต พิชิตอธรรม สร้างสันติภาพและสันติสุข อย่างถาวรทั่วโลก บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย” ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 23 มีนาคม จนถึงทุกวันนี้ รวมระยะเวลา 65 วัน ได้ยอมออกจากการนั่งกรรมฐานแล้ว
โดยวันนี้ได้มี ศ.ดร.ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์ ประธานชมรมพิทักษ์พุทธศาสนา พร้อมคณะพระสงฆ์ และชาวบ้าน ได้ร่วมทำการนิมนต์ พระสุวัฒน์ ออกจากการขังตัวเองอยู่ในกรงเหล็ก และที่ผ่านมา ไม่ยอมฉันอาหาร ฉันเพียงปัสสาวะตัวเอง หรือน้ำมูตรเน่า ซึ่งต่อมาทางลูกศิษย์ ได้ขอร้องให้รับน้ำปานะ จึงยอมที่จะฉันน้ำและนมแทน แต่พระสุวัฒน์ ยังคงปฏิบัติตนคือไม่ยอมฉันข้าว ไม่ยอมพูดจากับใคร ซึ่งวันนี้หลังนิมนต์พระสุวัฒน์ออกจากเจดีย์แล้ว พระสงฆ์ ก็ได้ทำการเปลี่ยนจีวรใหม่ รวมทั้งทำพิธีปลงผม ให้กับทางพระสุฒน์ พร้อมกันนี้ก็ได้นิมนต์ฉันข้าวเป็นมื้อแรก ซึ่งโดยรวมนั้น พระสุวัฒน์ ยังคงมีสุขภาพร่างกายที่ยังแข็งแรง
ด้าน ศ.ดร.ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์ ประธานชมรมพิทักษ์พุทธศาสนา กล่าวว่า ตนเองได้ปรึกษา หลายฝ่าย และเห็นว่า การอยู่กรรมฐานแบบนี้ จะเกิดประโยชน์น้อย ถ้านิมนต์พระสุวัฒน์ ออกจากกรรมฐาน แล้วออกมาขับเคลื่อน ในเรื่องของพระพุทธศาสนา การปกป้อง ในเรื่องการทำกิจกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เรื่องการทำพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ จะมีประโยชน์มากกว่า ก็เลยตัดสินใจนิมนต์ หลวงพ่อ ด้วยเหตุผล นี้
ขณะเดียวกัน พระสุวัฒน์ สุวฒฺธนโน ก็ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า ตอนนี้ประชาชนกำลังอดอยากข้าวยากหมากแพง เราต้องเร่งให้ชาวพุทธเข้าใจเรื่องของหลักศาสนาพุทธที่แท้จริง อันเป็นแก่นธรรม ที่พระพุทธเจ้าประทานให้ เราต้องสร้างผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์ สร้างแหล่งน้ำให้ดี มีที่ทำกินสำหรับประชาชน ความอดอยากมันจางคลายไป ประชาชนก็จะหันมาปฏิบัติธรรม รักษาศีล ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว เราต้องแก้ไขวิกฤติตรงนี้ให้ได้ก่อน คือทำเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ให้ประชาชนลืมตาอ้าปาก พอร่างกายแข็งแรงเขาก็จะหันมาปฏิบัติธรรม เราต้องสร้างผู้นำขึ้นมา เราต้องทำก่อน โดยพื้นฐานเราต้องเสียสละก่อนต้องซื่อสัตย์ ต้องมีเมตตา ต้องจาคะ ต่อไปนี้เราไม่ต้องกลัวโรคภัยไข้เจ็บ พระพุทธเจ้าประทานพรมาแล้ว ธรรมมะรักษา ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว