ดีเจสาวเล่านาทีชีวิต มุดใต้โต๊ะหลบนายช่างกราดยิง 3 ศพ เห็นเพื่อนร่วมงานตายต่อหน้า
นายช่างเครื่องส่งเกิดอาการเครียดจัดคว้าปืน 2 กระบอกกระหน่ำยิงเพื่อนร่วมงานดับอนาถ 3 ศพ สาหัสอีก 1 ราย เหตุเกิดภายในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก
เมื่อเวลา 11.00 น. ( 27 พ.ค.63) ร.ต.อ.อำนาจ อ่อนปาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ภายในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก. (สวท.พิษณุโลก) ตั้งอยู่เลขที่ 137/1 หมู่ 5 ต.บ้านคลอง. อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 กำลังตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน
โดยในที่เกิดเหตุตำรวจพบกับ นายวิม อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ที่กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. และ .38 รวม 2 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธมีทะเบียนของผู้ก่อเหตุ ไล่ยิงเจ้าหน้าที่ภายใน สวท.พิษณุโลก จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามพูดเกลี้ยกล่อมจนยอมมอบตัวในที่สุด ก่อนควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์พร้อมกับสอบปากคำเบื้องต้น
นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายสานิตย์ อายุ 60 ปี ผอ.สวท.พิษณุโลก มีบาดแผลถูกอาวุธปืนเข้าตามร่างกาย จำนวน 9 แห่ง และถูกอาวุธมีดแทงอีก 6 แผล นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณป่าหญ้าด้านนอกหลังอาคาร 2.นายจิรวุฒิ อายุ 47 ปี นายช่างไฟฟ้าอาวุโส เสียชีวิตอยู่บริเวณกลางห้องโถงในอาคาร สวท. ถูกอาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะ 2 นัด สีข้างด้านซ้าย 1 นัด นอนจมกองเลือด และ 3.นายภูมิศรัณญ์ อายุ 55 ปี นายช่างอาวุโส ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แผ่นหลัง 5 นัด เสียชีวิตในสภาพนั่งฟุบแอบหลังตู้ไฟอยู่ภายในห้องจัดรายการวิทยุ นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย คือ นายปรุง อายุ 56 ปี ช่างเครื่องส่ง ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ปากอาการสาหัส จากนั้นกู้ภัยจึงช่วยกันเร่งนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช
ด้าน พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามพยานแวดล้อม ทราบว่านายวิม ผู้ก่อเหตุ มีความโกรธเคืองกับนายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้าอาวุโส ก่อนหน้านี้เรื่องเคยถูกดุว่าในเรื่องการทำงานจึงมีความคับแค้นใจส่วนตัว เลยมีการเตรียมการโดยเตรียมทั้งอาวุธปืนและอาวุธมีดมา ซึ่งอาวุธปืนนั้นมีทะเบียนถูกต้อง โดยเข้ามาทำงานตั้งแต่ช่วงเช้าตามปกติ เมื่อมาเจอกับนายจิรวุฒิมาจึงใช้อาวุธปืนจอยิงใส่ศีรษะจนเสียชีวิต จากนั้นใช้อาวุธปืนไล่ยิงนายภูมิศรัณญ์ ที่กำลังวิ่งหลบหนีเข้าไปในห้องจัดรายการ โดยที่มีเจ้าหน้าที่นักจัดรายการกำลังจัดรายการวิทยุอยู่
ก่อนเดินเข้าไปในห้องของ นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท.พิษณุโลก เพื่อใช้อาวุธปืนไล่ยิง จนต้องกระโดดหนีออกทางหน้าต่างด้านหลัง ซึ่งมือปืนวิ่งติดตามไปมีการต่อสู้กันจนถูกกระหน่ำยิงถึง 9 นัด นอกจากนี้ยังถูกอาวุธมีดแทงตามร่างกายเสียชีวิตในที่สุด เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ต่างพากันหลบกระสุนปืนและหนีตายเอาชีวิตรอด
จากนั้นผู้ก่อเหตุจึงยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม. และ อาวุธปืนขนาด .38 มม. มีดหมอ 1 เล่ม ที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับนำตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนหาสาเหตุแรงจูงใจที่แท้จริง พร้อมทั้งเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูแลตัวผู้ก่อเหตุอย่างใกล้ชิด ระมัดระวังผู้ต้องหาฆ่าตัวตายในระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่
น.ส.วิจิตรา จันเข็ม นักสื่อสารมวลชนปฏิบัติการ เปิดเผยว่า ขณะนั้นตนเองยังนั่งจัดรายการวิทยุอยู่ภายในห้องส่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันและมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนจะมีนายช่างที่ประจำอยู่วิ่งหนีตายเข้ามาหลบซ่อนตัวแต่ไม่ทันได้ล็อกประตูก็ถูกมือปืนตามมาจ่อยิงอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิต ตนเองตกใจสุดขีดจึงมุดลงไปหมอบอยู่ใต้โต๊ะแล้วโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ เมื่อเหตุการณ์สงบลงได้ออกมาดูก็พบว่าเพื่อนร่วมงานรวมถึง ผอ.สวท. เสียชีวิตด้วยกันถึง 3 คน รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเพราะปกติทุกคนก็รักใคร่ทำงานร่วมกันดี ไม่เคยเห็นทะเลาะมีปากเสียงกันมาก่อน แต่สำหรับแรงจูงใจครั้งนี้น่าจะมาจากความเครียดเรื่องส่วนตัว เพราะผู้ก่อเหตุมีนิสัยชอบเป็นคนคิดมาก แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรงกับเพื่อนร่วมงานขนาดนี้
ขณะที่ นายวัชระ อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักกับผู้ก่อเหตุ และเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ก่อเหตุ ทราบว่าตัวผู้ก่อเหตุต้องกินยาระงับประสาทมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าระยะหลังมีอาการขาดยาหรือไม่ ส่วนมูลเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดเรื่องบ้านพักข้าราชการ เพราะก่อนหน้านี้ นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท. ได้เรียกเจ้าหน้าที่ประชุมเรื่องบ้านพักข้าราชการที่จะของบประมาณมาก่อสร้างใหม่ ส่วนตัวผู้ก่อเหตุอยู่บ้านพักหลังเก่าและเป็นคนชอบเก็บของเก่าไว้เพื่อรอขายเป็นจำนวนมาก จึงต้องพูดคุยให้นำของเก่าย้ายออกไปจากบ้านพักหลังเดิม เพราะต้องเตรียมรื้อถอนบ้านพักหลังเก่า ส่วนตัวผู้ก่อเหตุจึงจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ห้องพักภายในอาคารเครื่องส่งที่อยู่ด้านหลัง สวท. แต่ยังไม่สามารถขนของเก่าที่เก็บจำนวนมากออกไปได้ พอมีคนเข้าไปว่ากล่าวตักเตือนจะทำให้โมโหถึงขึ้นใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าอยู่เป็นประจำ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งในความเครียดและความกดดันในเรื่องการทำงาน จึงตัดสินใจก่อเหตุยิงเพื่อนร่วมงานจนเสียชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กับความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป