ผู้กองเก๊ อ้างอยู่กองปราบ ตระเวนรีดไถเงิน ผู้เสียหายเพียบ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์
(29 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงานว่า ชายฉกรรจ์อายุประมาณ 35 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกเข้าไปภายในวัดกมลาวาส (อ่านว่า กำ-มะ-ลา-วาด) ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ แล้วอ้างตัวว่าเป็น “ผู้กองณัฐ” ตำรวจสังกัดกองปราบ แล้วมีพฤติกรรมขู่กรรโชกเรียกเอาเงินจาก พระอธิการศักดิ์ วิสุทธสีโล อายุ 63 ปี เจ้าอาวาสวัด จำนวน 250,000 บาท โดยพยามยามยัดข้อกล่าวหา เจ้าอาวาสว่าขับรถเร็ว ดื่มสุรา โกงเงินวัด และขับรถชนคนบาดเจ็บ ทั้งที่เจ้าอาวาสยืนยันว่าไม่เคยกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่คนร้ายก็พยายามใช้ปืนข่มขู่ จนสุดท้ายพี่สาวเจ้าอาวาสต้องยอมถอดสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท และเงินสดอีก 5,000 บาทให้ไป เพราะกลัวจะเป็นอันตรายเหตุเกิดเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งล่าสุดถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจะสามารถจับกุมตัวชายฉกรรจ์คนดังกล่าวได้แล้ว คือ นายอรรฆเดช ขันน้อย อายุ 35 ปี เป็นชาวจ.อุบลราชธานี ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จ.นครปฐม ได้แล้ว จากการตรวจสอบยังพบว่านอกจากจะก่อเหตุข่มขู่เอาเงินเจ้าอาวาสวัดที่ อ.นาโพธิ์ ในวันที่ 24 พ.ค. แล้ว ยังมีพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ร้านค้าในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. และ อ.สตึก วันที่ 23 พ.ค. อีกด้วย โดยที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้เงินไปจำนวน 10,000 บาท พร้อมเหล้า 2 ขวด ส่วนที่ อ.สตึก ยังไม่ได้ทรัพย์สินไปเนื่องจากเหยื่อไหวตัวทัน
ขณะที่นายณัฏฐ์กร ศิริผ่องแผ้ว นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้มอบหมายให้ นายทวี ไขว้พันธุ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยนายกรพล มีสัตย์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลร้านขายของชำแห่งหนึ่งในหมู่บ้านหว่าน ม.4 ต.ตาเป๊ก ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกรายที่ตกเป็นเหยื่อถูกนายอรรฆเดช ผู้ต้องหา ขู่กรรโชกทรัพย์
โดยนางอรุชา จีนโน อายุ 58 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม วันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็เปิดขายของชำตามปกติ จู่ๆ นายอรรฆเดช ผู้ต้องหา ซึ่งขับรถบิ๊กไบค์มาจอดที่หน้าร้านแล้วเดินเข้ามาในร้าน อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ แล้วก็เดินเข้าไปหลังร้านแล้วเข้าไปถ่ายรูปลังเบียร์ที่ตนเองตั้งเก็บไว้หลังร้าน เพราะหลังจากประกาศห้ามขายก็ไม่ได้เอาออกมาตั้งขายเลย แต่ไม่มีที่เก็บก็ตั้งเอาไว้หลังร้าน แต่นายอรรฆเดช ที่อ้างว่าเป็นตำรวจก็มาข่มขู่กล่าวหาว่าตนเองแอบขายเหล้า ตนก็ยืนยันว่าไม่ได้ขายแต่ผู้ต้องหา ก็ยังขู่ว่ามีหลักฐานภาพถ่าย หากยอมจ่ายเงินให้ 20,000 บาทก็จะไม่เอาผิด แต่ถ้าไม่จ่ายจะส่งฟ้องศาลต้องเสียเงิน 400,000 บาท ซึ่งตอนนั้นตนเองกลัวมากเพราะคิดว่านายอรรฆเดช เป็นตำรวจจริง กลัวจะถูกกลั่นแกล้งสร้างหลักฐานเท็จเพื่อยัดข้อหา ประกอบกับตนเองอยู่บ้านกับแม่ที่ป่วยติดเตียงลำพัง จึงกลัวจะเป็นอันตราย ก็เลยจำใจต้องเอาเงินเก็บจากการขายของ และเงินแบงค์ 20 ที่เหลือไว้ทอนให้ลูกค้ารวมจำนวน 10,000 บาท จ่ายให้ไปแถมยังฉกเอาเหล้าหลังร้านไปอีก 2 ขวด ทั้งนี้นายอรรฆเดช ก็ยังบอกอีกว่าส่วนที่เหลือวันหลังจะกลับมาเอาอีก จึงไม่กล้าไปแจ้งความเพราะกลัว ก็ถือว่าทำบุญไปตัวเองและแม่ปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ก็ดีใจที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก
จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายอรรฆเดช ผู้ต้องหา เคยประกอบอาชีพรับซื้อขายเป็ด ไก่ ในพื้นที่ภาคอีสาน เคยต้องโทษ คดีเกี่ยวกับลักทรัพย์, พรบ.ทหาร, คดีพรากผู้เยาว์ และคดีกรรโชกทรัพย์ ในหลายท้องที่