ผู้กองเก๊ อ้างอยู่กองปราบ ตระเวนรีดไถเงิน ผู้เสียหายเพียบ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์

ผู้กองเก๊ อ้างอยู่กองปราบ ตระเวนรีดไถเงิน ผู้เสียหายเพียบ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์

ผู้กองเก๊ อ้างอยู่กองปราบ ตระเวนรีดไถเงิน ผู้เสียหายเพียบ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(29 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงานว่า ชายฉกรรจ์อายุประมาณ 35 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกเข้าไปภายในวัดกมลาวาส (อ่านว่า กำ-มะ-ลา-วาด) ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ แล้วอ้างตัวว่าเป็น “ผู้กองณัฐ” ตำรวจสังกัดกองปราบ แล้วมีพฤติกรรมขู่กรรโชกเรียกเอาเงินจาก พระอธิการศักดิ์ วิสุทธสีโล อายุ 63 ปี เจ้าอาวาสวัด จำนวน 250,000 บาท โดยพยามยามยัดข้อกล่าวหา เจ้าอาวาสว่าขับรถเร็ว ดื่มสุรา โกงเงินวัด และขับรถชนคนบาดเจ็บ ทั้งที่เจ้าอาวาสยืนยันว่าไม่เคยกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่คนร้ายก็พยายามใช้ปืนข่มขู่ จนสุดท้ายพี่สาวเจ้าอาวาสต้องยอมถอดสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท และเงินสดอีก 5,000 บาทให้ไป เพราะกลัวจะเป็นอันตรายเหตุเกิดเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งล่าสุดถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจะสามารถจับกุมตัวชายฉกรรจ์คนดังกล่าวได้แล้ว คือ นายอรรฆเดช ขันน้อย อายุ 35 ปี เป็นชาวจ.อุบลราชธานี ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จ.นครปฐม ได้แล้ว จากการตรวจสอบยังพบว่านอกจากจะก่อเหตุข่มขู่เอาเงินเจ้าอาวาสวัดที่ อ.นาโพธิ์ ในวันที่ 24 พ.ค. แล้ว ยังมีพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ร้านค้าในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. และ อ.สตึก วันที่ 23 พ.ค. อีกด้วย โดยที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้เงินไปจำนวน 10,000 บาท พร้อมเหล้า 2 ขวด ส่วนที่ อ.สตึก ยังไม่ได้ทรัพย์สินไปเนื่องจากเหยื่อไหวตัวทัน

ขณะที่นายณัฏฐ์กร ศิริผ่องแผ้ว นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้มอบหมายให้ นายทวี ไขว้พันธุ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยนายกรพล มีสัตย์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลร้านขายของชำแห่งหนึ่งในหมู่บ้านหว่าน ม.4 ต.ตาเป๊ก ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกรายที่ตกเป็นเหยื่อถูกนายอรรฆเดช ผู้ต้องหา ขู่กรรโชกทรัพย์

โดยนางอรุชา จีนโน อายุ 58 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม วันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็เปิดขายของชำตามปกติ จู่ๆ นายอรรฆเดช ผู้ต้องหา ซึ่งขับรถบิ๊กไบค์มาจอดที่หน้าร้านแล้วเดินเข้ามาในร้าน อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ แล้วก็เดินเข้าไปหลังร้านแล้วเข้าไปถ่ายรูปลังเบียร์ที่ตนเองตั้งเก็บไว้หลังร้าน เพราะหลังจากประกาศห้ามขายก็ไม่ได้เอาออกมาตั้งขายเลย แต่ไม่มีที่เก็บก็ตั้งเอาไว้หลังร้าน แต่นายอรรฆเดช ที่อ้างว่าเป็นตำรวจก็มาข่มขู่กล่าวหาว่าตนเองแอบขายเหล้า ตนก็ยืนยันว่าไม่ได้ขายแต่ผู้ต้องหา ก็ยังขู่ว่ามีหลักฐานภาพถ่าย หากยอมจ่ายเงินให้ 20,000 บาทก็จะไม่เอาผิด แต่ถ้าไม่จ่ายจะส่งฟ้องศาลต้องเสียเงิน 400,000 บาท ซึ่งตอนนั้นตนเองกลัวมากเพราะคิดว่านายอรรฆเดช เป็นตำรวจจริง กลัวจะถูกกลั่นแกล้งสร้างหลักฐานเท็จเพื่อยัดข้อหา ประกอบกับตนเองอยู่บ้านกับแม่ที่ป่วยติดเตียงลำพัง จึงกลัวจะเป็นอันตราย ก็เลยจำใจต้องเอาเงินเก็บจากการขายของ และเงินแบงค์ 20 ที่เหลือไว้ทอนให้ลูกค้ารวมจำนวน 10,000 บาท จ่ายให้ไปแถมยังฉกเอาเหล้าหลังร้านไปอีก 2 ขวด ทั้งนี้นายอรรฆเดช ก็ยังบอกอีกว่าส่วนที่เหลือวันหลังจะกลับมาเอาอีก จึงไม่กล้าไปแจ้งความเพราะกลัว ก็ถือว่าทำบุญไปตัวเองและแม่ปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ก็ดีใจที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก

จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายอรรฆเดช ผู้ต้องหา เคยประกอบอาชีพรับซื้อขายเป็ด ไก่ ในพื้นที่ภาคอีสาน เคยต้องโทษ คดีเกี่ยวกับลักทรัพย์, พรบ.ทหาร, คดีพรากผู้เยาว์ และคดีกรรโชกทรัพย์ ในหลายท้องที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook