สุดยื้อ "น้องวังไทร" ช้างป่ากุยบุรี อาการดีขึ้นวันเดียว ก่อนทรุดหนักจนตาย
วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า อาการป่วยของ น้องวังไทร ลูกช้างป่ากุยบุรี เพศผู้ วัย 5-6 ปี ที่ล้มป่วย มีร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน ถูกพบภายในสวนโกโก้และขนุนของชาวบ้าน ใน ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 29 พค.63 ที่ผ่านมานั้น
นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รายงานให้ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้ทราบเพื่อประสานขอทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ลงมารักษาช้างป่าตัวดังกล่าว ขณะที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ใช้เครื่องสแกน ปรากฎว่าตรวจพบวัตถุโลหะตามตัวของ น้องวังไทรลูกช้างป่ากุยบุรี รวม 5 แห่ง ทั้งที่ก้นสองข้าง สะโพก 2 แห่ง และหัวไหล่ ซึ่งคาดว่าแผลจะเกิดการอักเสบจนเป็นสาเหตุหลักทำให้ลูกช้างป่าล้มป่วยดังกล่าว
ทั้งนี้สัตวแพทย์หญิงกชกร พิมพ์เสน สัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่สัตวบาลจากศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี ได้ลงพื้นที่มาตรวจดูอาการและทำการรักษาลูกช้างป่าทันที โดยได้ให้สารน้ำ ทั้งน้ำเกลือ วิตามิน และยาปฏิชีวนะต่างๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกายโดยด่วน และใช้รอกช่วยพยุงให้ลูกช้างยืนป้องกันอาการแทรกซ้อน ปรากฎว่าลูกช้างป่าสามารถยืนได้ดี และกินอาหารได้มากในวันถัดมา แต่ลูกช้างป่ายังมีภาวะขาดน้ำ กินน้ำได้น้อยกว่าลูกช้างทั่วไป แต่อาการโดยภาพรวมสร้างความดีใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ดูแลลูกช้างป่า และมั่นใจว่าจะสามารถช่วยชีวิตน้องวังไทรได้
ต่อมาช่วงบ่าย ของวันที่ (30 พค.63) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่ง สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ สัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมเจ้าหน้าที่สัตวบาล และ เวชภัณฑ์ยาที่จำเป็นสำหรับลูกช้างป่าเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการรักษา
กระทั่งช่วงกลางดึกที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้ (31พค.63) ทีมแพทย์สังเกตุพบว่าอาการของน้องวังไทร ลูกช้างป่ากุยบุรี เริ่มปรากฎอาการท้องอืด ไม่สามารถขับถ่ายได้ เริ่มไม่กินอาหาร และขาเริ่มอ่อนแรง ไม่ทรงตัว
โดยตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานฯ เฝ้าดูอาการลูกช้างป่าตลอดเวลา เพราะลูกช้างป่าอาการทรุดอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น. น้องวังไทร ก็ล้มลงและจากไปอย่างสงบ จากการอักเสบและติดเชื้อภายในอย่างรุนแรง
ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด และติดตามการผ่าซากลูกช้างป่าเพื่อดูวัตถุโลหะที่ฝังอยู่ในตัวลูกช้างป่าทั้ง 5 แห่ง ที่ทีมตำรวจพิสูจน์หลักฐานสแกนพบโลหะ ว่าเป็นโลหะชนิดอะไร โดยขณะนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินการของทางทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด
สำหรับซากของน้องวังไทร ทีมสัตวแพทย์ ได้ช่วยกันผ่าซากเพื่อเก็บชิ้นส่วนอวัยวะ ที่สำคัญในตัวลูกช้างป่า ทั้งตับ ม้าม หัวใจ หลอดลม กระเพาะอาหาร อาหารในกระเพาะ และชื้นเนื้อต่างๆส่งตรวจสอบยังห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อโรคในลูกช้างป่า จากนั้นได้ขุดหลุมกลบฝังโรยปูนขาวเพื่อป้องกันเชื้อโรคตามหลักวิชาการ