ศบค. ขอดูก่อน "หยุดชดเชยสงกรานต์" ต้องรอบคอบ โควิด-19 ยังวางใจไม่ได้!
“หยุดชดเชยสงกรานต์” ต้องรอบคอบ โฆษก ศบค. แจงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมติดตามดูสถานการณ์โควิดในเดือนมิถุนายนนี้ก่อน หลังคลายล็อกเฟส 3
จากกรณีกระแสข่าวการ หยุดชดเชยสงกรานต์ ในช่วงเดือนกรกฎาคมนั้น นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ชี้แจงว่า จะต้องพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดก่อน หากในเดือนมิถุนายนดีขึ้น ก็อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 หากประสบผลสำเร็จ ประชาชนให้ความร่วมมือ ลดความแออัด ก็จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการในระยะต่อ ๆ ไป รวมถึงอาจยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย
ส่วนสาเหตุที่ยังไม่อนุญาตให้ร้านนวดให้บริการนวดบริเวณใบหน้าได้นั้นว่า จากความแตกต่างด้านเวลาและทักษะของผู้ให้บริการ กรณีคลินิกเวชกรรมด้านความงาม สถานเสริมความงามที่สามารถให้บริการบริเวณใบหน้าได้เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์มีขั้นตอนการให้บริการที่ถูกฝึกอบรมมา มีความปลอดภัย ขณะที่การให้บริการนวดเป็นชุดพฤติกรรมที่สัมผัสโดยตรง ใช้ระยะเวลาให้บริการนานและมีความเสี่ยงการในติดเชื้อไวรัสโควิดสูงกว่า ดังนั้น จึงต้องกำหนดเพื่อลดความเสี่ยงการในแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด
โฆษก ศบค. ยังได้กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท พ.ร.ก. ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก. รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 วงเงิน 4 แสนล้านบาท ยืนยันว่า งบประมาณจะถูกใช้เพื่อดูแลประชาชนทุกคนอย่างคุ้มค่า และให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยในตอนท้าย โฆษก ศบค. ยังย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมหลัก ได้แก่ การล้างมือ การสวมใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และผู้ประกอบการก็ต้องปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน รวมถึงเพิ่มการทำความสะอาด และอย่าให้มีความแออัด ตามวิถีชีวิตแบบใหม่ New Normal เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นประเทศที่ปลอดเชื้อไวรัสโควิด ได้โดยเร็ว