WHO ยืนยัน ยังไม่พบหลักฐานว่าเชื้อไวรัสโคโรนาอ่อนกำลังลง

ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และนักวิทยาศาสตร์หลายคนยืนยันว่า ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าเชื้อไวรัสโคโรนาอ่อนกำลังลง หลังจากที่ศาสตราจารย์อัลแบร์โต ซานกริลโล หัวหน้าแผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลซาน ราฟฟาเอล ในลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์ของรัฐว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นเหตุของโรค COVID-19 “ไม่ปรากฏในทางการแพทย์แล้ว”

มาเรีย ฟาน เคียร์คอฟ นักระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสและโรคติดเชื้อหลายคนกล่าวว่า คำพูดของซานกริลโลนั้นไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่รูปแบบการแพร่เชื้อหรือความรุนแรงของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส

ด้านมาร์ติน ฮิบเบิร์ด ศาสตราจารย์ด้านโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ จากสถาบันสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อน ลอนดอน กล่าวว่า การศึกษาวิจัยหลักหลายชิ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ก่อให้เกิดโรค COVID-19 ไม่ได้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าเชื้อไวรัสอ่อนกำลังลงแต่อย่างใด เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์, ศูนย์การแพทย์เวค ฟอเรสต์ แบ็บติสต์, มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน และนอร์ธเวลล์ เฮลธ์ ที่ระบุว่ายังไม่พบหลักฐานที่ชี้ว่าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลง

“ข้อเสนอแนะของแพทย์ชาวอิตาเลียนคนดังกล่าวนั้นเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดโดยไม่มีหลักฐานรองรับ เชื้อไวรัสชนิดนี้มีอัตราการแพร่เชื้อสูง เราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา” ลีนา เวน แพทย์ฉุกเฉินและศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุข มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าว

ซานกริลโล แพทย์ชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงในฐานะแพทย์ประจำตัวของอดีตนายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี กล่าวว่า ข้อเสนอแนะของเขามีหลักฐานเป็นการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ มัสสิโม คลีเมนติ ผู้อำนวยการห้องทดลองทางจุลชีววิทยาและวิทยาไวรัส โรงพยาบาลซาน ราฟฟาเอล ซึ่งจะตีพิมพ์ในวารสารสัปดาห์หน้า เขากล่าวกับ Reuters ว่า เขาไม่เคยบอกว่าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลง แต่บอกว่าปฏิกิริยาของไวรัสและโฮสต์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ซึ่งอาจมีสาเหตุจากลักษณะของไวรัสที่แตกต่างกัน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ หรือวิธีการติดเชื้อที่แตกต่างกันก็เป็นได้

ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ได้ที่นี่