ห้ามพลาดปรากฏการณ์ "จันทรุปราคาเงามัว" คืนวันที่ 5 มิ.ย. 63
(3 มิ.ย.) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ รายงานว่า ในคืนวันศุกร์ ที่ 5 มิ.ย.63 หลังเที่ยงคืนตั้งแต่เวลา 00.46 เป็นต้นไป จะเกิดปรากฏการณ์ จันทรุปราคาแบบเงามัว (Penumbral lunar eclipse) เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี โดยดวงจันทร์จะเข้าสู่เงามัวของโลกมากที่สุดในเวลาประมาณ 02.25 น. ของวันที่ 6 มิถุนายน และสิ้นสุดปรากฏการณ์ในเวลา 04.04 น. รวมเวลาเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัวนาน 3 ชั่วโมง 18 นาที
ซึ่งปรากฏการณ์นี้ยากต่อการสังเกตด้วยตาเปล่า ดังนั้นการถ่ายภาพจึงช่วยให้สังเกตเห็นความแตกต่างของปรากฏการณ์จันทรุปราคาแบบเงามัวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์จันทรุปราคา (Lunar Eclipse) เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ เกิดขึ้นเฉพาะในวันดวงจันทร์เต็มดวง หรือ ช่วงข้างขึ้น 14-15 ค่ำ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกที่ทอดไปในอวกาศ
ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปเรื่อยๆ จนดวงจันทร์เข้าไปอยู่ในเงามืดทั้งดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ออกจากเงามืดของโลก
โดยเงาของโลกที่ทอดไปในอวกาศแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เงามัว (Penumbra Shadow) เป็นเงาส่วนนอกสุด เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในเงาส่วนนี้จะมีความสว่างลดลงเล็กน้อย และ เงามืด (Umbra Shadow) เป็นเงาที่มืดสนิท เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในเงาส่วนนี้จะทำให้เกิดส่วนมืดเว้าแหว่ง จึงแบ่งประเภทของปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้ดังนี้
- จันทรุปราคาเต็มดวง (Total lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีส้มหรือสีแดงอิฐ เนื่องจากแสงขาวจากดวงอาทิตย์จะถูกหักเหเมื่อผ่านชั้นบรรยากาศโลก สีแดงและสีส้มเบี่ยงทิศทางเข้าหากลางเงามืด จึงมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงระหว่างเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง
- จันทรุปราคาบางส่วน (Partial lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามืดของโลกเพียงบางส่วน โดยจะมองเห็นดวงจันทร์มีลักษณะเว้าแหว่ง
- จันทรุปราคาเงามัว (Penumbral lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปเงามัวของโลก โดยไม่ผ่านเงามืด เรายังคงมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง แต่ความสว่างลดน้อยลง สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างยาก