แต่งดำปาบึ้ม พธม.ป่วนพิธีทำบุญ! ศูนย์เสื้อเหลือง กลางเชียงใหม่

นับสิบแต่งดำปิดหน้าตาขับรถกระบะ บุกปาหิน ระเบิด ปิงปองถล่มศูนย์คนเสื้อเหลือง กลางเชียงใหม่ ขณะทำบุญเลี้ยงพระ กระจกอาคารแตก รถยนต์เสียหาย สาวใหญ่ปีนรั้วบ้านหนีระเบิดพลัดตกบาดเจ็บ ตร.รู้ตัวแล้ว เตรียมออกหมายจับ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ส.ค. พ.ต.ท.อิทธิรัชต์ แสนปัญญา พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งมีเหตุกลุ่มคนสวมเสื้อสีดำ ปิดหน้าปิดตา ประมาณ 20 คน ใช้รถปิกอัพและรถรับจ้างสี่ล้อแดง บุกรุก ปาหิน ปาระเบิดปิงปองใส่บ้านเลขที่ 133 ถ.กองทราย ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ จนได้รับความเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บ หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นและรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง

พบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านตึกสองชั้น ด้านข้างเป็นลานจอดรถ โดยมีป้ายระบุว่า "ศูนย์เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดเชียงใหม่" ติดอยู่ โดยน.ส. วิราวรรณ ใจอินทร์ อายุ 56 ปี บาดเจ็บข้อเท้าขวาแพลง เจ้าหน้าที่นำส่งร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่

นอกจากนี้รถปิกอัพอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บษ 9225 เชียงใหม่ ของนายเกรียงวุฒิ สุวรรณ ได้รับความเสียหาย กระจกด้านหน้าแตก บริเวณขอบข้างรถด้านขวาเสียหาย เศษก้อนอิฐก้อนหิน อิฐตัวหนอนกระจัดกระจายทั่วบริเวณลานจอดรถ และพบรถยนต์อีซูซุ แวน สีน้ำตาล ทะเบียน ย-1099 เชียงใหม่ ของนางนาฏลัดดา โฆสิตาภัย ถูกระเบิดได้รับความเสียหาย กระจกด้านหลังแตก กระจกด้านหน้าของตัวอาคารแตกเสียหายจากการถูกปาด้วยก้อนอิฐและก้อนหิน และพบระเบิดทำจากท่อเอสล่อนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งเศษอิฐเศษก้อนหิน และอิฐตัวหนอนทั้งหมด

นางพิมพ์พรรณ เลาหวิสุทธิ์ อายุ 73 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า วันนี้ช่วงเช้า นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูปมาทำบุญเปิดศูนย์ "เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดเชียงใหม่" ขึ้นที่อาคารของตน มีนายชัยสิทธิ์ โฆสิตาภัย เป็นประธานศูนย์ โดยมีสมาชิกมาร่วมทำบุญเปิดศูนย์ครั้งนี้ประมาณ 50 คน หลังเสร็จพิธี ขณะที่สมาชิกกำลังเก็บข้าวของ มีกลุ่มคนเสื้อดำปิดหน้าปิดตา จำนวน 20 คน ใช้รถหกล้อขนาดเล็กสีดำมีหลังคาและมีเครื่องเสียง ติดธงสีแดง เขียนว่า "กลุ่มรักเชียงใหม่ 51" และมีรถรับจ้างสี่ล้อสีแดงเอาสติ๊กเกอร์ปิดป้ายทะเบียนมาจอดที่บริเวณด้าน หน้าบนถนน พร้อมตะโกนด่า จากนั้นกลุ่มคนเสื้อดำปาระเบิดใส่รถของประธานศูนย์ที่จอดข้างถนน และที่ประตูหน้าบ้านทางเข้าโรงจอดรถที่ทำพิธี เสียงระเบิดดัง 5 ครั้ง จากนั้นกลุ่มคนเสื้อดำระดมปาหินใส่บ้านของตน โดยคนในบ้านพากันหลบก้อนหิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มาร่วมงานบุญครั้งนี้ สำหรับนางวิราวรรณที่ขาแพลง เนื่องจากตกใจ จึงตัดสินใจปีนรั้วด้านหลังบ้านเพื่อหลบหนี แต่เกิดพลาด ทำให้ตกลงมาขาแพลง

ด้านนายเกื้อกูล ยอดคำ เลขาธิการศูนย์เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า วันนี้ทำบุญเลี้ยงเพลพระสงฆ์ เนื่องในวันเปิดที่ทำการศูนย์ "เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดเชียงใหม่" งานบุญกำลังจะเลิก ขณะเก็บข้าวของและนั่งพูดคุยกันก่อนจะแยกย้าย ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงมาตะโกนด่า จากนั้นปาระเบิด คาดว่าเป็นระเบิดปิงปองเข้าใส่ที่ศูนย์ของเราประมาณ 5-6 ครั้ง หลังจากเสียงระเบิดสงบ มีก้อนหินปาเข้ามา ทุกคนพากันหลบไปอยู่หลังบ้าน กลุ่มพวกตนยอมรับว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรเชียงใหม่ และที่นี่เป็นศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ เช่นปุ๋ย ASTV ข้าว ASTV สินค้าต่าง ๆ จากพันธมิตรกรุง เทพฯ จะจัดส่งมาจำหน่ายที่นี่เพื่อให้สมาชิกเชียงใหม่มาซื้อ ศูนย์แห่งนี้เปิดมาประมาณ 3 เดือน วันนี้เป็นวันทำบุญเปิดตัวศูนย์และทำบุญให้กับบุคคลสำคัญของประเทศในเดือน นี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยุสกัดรถบรรทุกหกล้อขนาดเล็กสีดำติดเครื่องเสียง และรถสี่ล้อรับจ้างสีแดงที่นำสติ๊กเกอร์ปิดป้ายทะเบียน แต่ไม่พบ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า วันที่ 26 ส.ค.เป็นวันเกิดของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ โดยกลุ่มเสื้อแดงประกาศเชิญชวนให้คนเสื้อแดงใส่เสื้อสีดำในวันเกิดของพล.อ.เปรม

พ.ต.อ.อักษร วงค์ใหญ่ ผกก.สภ.แม่ปิง เปิดเผยว่า ตนสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้มากที่สุด และสอบปากคำพยาน เพื่อออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุดังกล่าวให้เร็วที่สุด สำหรับรถยนต์ของกลุ่มที่ใช้ก่อเหตุนั้น จากการสืบสวนของตำรวจทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นรถกระบะหกล้อสีดำ พบว่าใช้ก่อเหตุหลายครั้ง เจ้าหน้าที่คงสืบสวนติดตามหาไม่ยาก และรู้ว่าเป็นของกลุ่มไหน ส่วนรถสี่ล้อแดงนั้น คงต้องตรวจสอบกันอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตา เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้

ด้านนายเพชรวรรตวัฒ วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้เคลื่อนไหว อาจจะเป็นมือที่สามมากกว่า และไม่ขอเอ่ยถึงเรื่องนี้