ประยุทธ์แจงสภา จำเป็นต้องโอนงบกว่า 88,000 ล้าน ยืนยันทำตามระเบียบการเงินการคลัง
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย ขณะที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบการเงินการคลัง
วันนี้ (4 มิ.ย.) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในวันนี้ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่ต้องติดตามคือ ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานรับงบประมาณเป็นบางรายการ ไปตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมจำนวน 88,452,597,900 บาท
โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงผลการหารือร่วมกันของฝ่ายค้านและรัฐบาล ว่า มีการตกลงกันว่าจะใช้เวลาในการพิจารณา 1 วัน ฝ่ายค้านใช้เวลา 6 ชั่วโมง ส่วนรัฐบาล 4 ชั่วโมง จากนั้นจะเป็นการตั้งกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 49 คน ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงมติในวาระที่ 1 ได้ในเวลาประมาณ 19.00-20.00 น.
ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า เข้าใจดีว่ารัฐบาลต้องการเร่งรัด จะพยายามอยู่ในกรอบเวลาให้จบวันนี้ในวาระที่ 1 แต่ต้องไม่เสียรายละเอียดสาระของ พ.ร.บ. ยืนยันจะใช้เวลาทุกนาทีให้มีประโยชน์ 7 ชั่วโมง อาจจะเกิน 20.00 น. ไปบ้าง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ว่า ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณฉบับนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงการแก้ไขภัยพิบัติธรรมชาติ ภัยแล้ง และอุทกภัย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้จ่ายงบกลางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้งบกลางที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอ จึงมีความจำเป็นที่ต้องโอนงบประมาณจากหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรร
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การตราร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณฉบับนี้ มีความสอดคล้องกับกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ และยังสอดคล้องกับ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยงบประมาณที่ดำเนินการโอนนั้น จะเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ ซึ่งได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ในการโอนงบประมาณ อาทิ รายจ่ายประจำในทุกงบรายจ่ายที่ยังไม่มีการเบิกจ่าย สัมมนา ฝึกอบรม การเดินทางไปต่างประเทศ และรายจ่ายลงทุน
กระทรวงที่มีการโอนงบประมาณสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1. กระทรวงกลาโหม 17,700,891,000 บาท
2. กระทรวงศึกษาธิการ 4,746,652,900 บาท
3. กระทรวงคมนาคม 3,427,484,400 บาท
4. กระทรวงมหาดไทย 2,057,929,300 บาท
5. กระทรวงสาธารณสุข 1,356,144,300 บาท