กองทัพบกแจง "หมู่อาร์ม" ถูกดำเนินคดีเพราะผิดวินัยทหาร ไม่ใช่จากการแฉข้อมูลทุจริต
กองทัพบกแถลงชี้แจงกรณีหมู่อาร์ม ยืนยันถูกดำเนินคดีเพราะประพฤติผิดวินัยทหาร ไม่ใช่จากเหตุนำข้อมูลไปเผยแพร่
วันนี้ (4 มิ.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก และ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ชี้แจงกรณีที่ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ หมู่อาร์ม เสมียนงบประมาณแผนกโครงการและงบประมาณกองแผน โครงการศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก โพสต์ข้อความย้ำเรื่องการนำชื่อตนเองไปใช้ในการทุจริตเบี้ยเลี้ยงภายในหน่วย และถูกข่มขู่จากผู้บังคับบัญชาหลังออกมาเปิดเผยข้อมูล จนต้องร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. ถึง 4 ครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบรับว่า จากการตรวจสอบพบว่า ส.อ.ณรงค์ชัย มีข้อพิพาทกับผู้บังคับบัญชาตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ความผิดทางวินัยจากความประพฤติไม่เหมาะสมผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งมีมูลเหตุมาจากการลงเวลาไม่ตรงความจริง จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และ ส.อ.ณรงค์ชัย ถูกลงโทษทางวินัย จำขัง 7 วัน เมื่อเดือนมีนาคม 2563
จากนั้น ส.อ.ณรงค์ชัย ก็ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. เพื่อขอให้ระงับการลงโทษ ซึ่งทางกองทัพได้ตรวจสอบตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการร้องเรียน แต่ทางต้นสังกัดยืนยันมติของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งหลังจากนั้น ส.อ.ณรงค์ชัย ก็ยังคงร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. รวม 4 ครั้ง แต่ไม่มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตในศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก แต่ใช้วิธีไปเผยแพร่ข้อมูลกับสื่อมวลชนแทน
หลังจากที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ทราบเรื่อง จึงสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากส่วนกลางขึ้น ล่าสุดพบว่ามีการทุจริตเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงเดินทางกำลังพล และทุจริตการจัดอบรมการป้องกันยาเสพติด ตามที่ ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าวอ้าง ตั้งแต่ปี 2560 เป็นเม็ดเงินกว่า 2 แสนบาท มีทหารระดับสูงชั้นนายพลเกี่ยวข้อง 3 นาย จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบความผิดทางอาญาตามขั้นตอนเหมือนกับหน่วยงานอื่น พร้อมทั้งเชิญ ส.อ.ณรงค์ชัย เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าได้เซ็นชื่อรับรองเบิกจ่ายเงินดังกล่าวเนื่องจากถูกบังคับ
สำหรับ ส.อ.ณรงค์ชัย นั้น หลังจากมติคณะกรรมการสอบสวนของต้นสังกัด สั่งจำขัง 7 วัน ก็ไม่ไปรายงานตัวตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม จนถึงขณะนี้จึงมีสถานะหนีราชการ ซึ่งทางกองทัพได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและทางอาญา เพื่อพิจารณาโทษตามขั้นตอนแล้ว