อธิบดี ตร.นิวยอร์ก เผย ไม่จำเป็นต้องใช้ทหารคุมผู้ประท้วงกรณี “จอร์จ ฟลอยด์”
การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา จากกรณีของ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวดำที่ถูกตำรวจมินนิอาโปลิสใช้เข่ากดที่ลำคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต กลายเป็นเหตุการณ์ที่ลุกลามใหญ่โตไปทั่วสหรัฐฯ ส่งผลให้รัฐบาลกลาง ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงกับประกาศว่าจะใช้กองกำลังทหารในการควบคุมผู้ชุมนุมประท้วง หากความรุนแรงยังไม่ยุติลง
นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้กล่าวว่า การทำงานของกรมตำรวจนิวยอร์กและนายกเทศมนตรี บิล เดอ บลาซิโอ เป็นสิ่งที่ “ให้อภัยไม่ได้” เนื่องจากทั้งสองประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป และไม่มีการป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมสร้างความเสียหายในเมือง รวมทั้งอาจจะส่ง “กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ” ของสหรัฐฯ เข้ามาประจำการในเมือง
อย่างไรก็ตาม “เดอร์มอต เช” อธิบดีกรมตำรวจนิวยอร์ก กลับระบุว่ากองกำลังรักษาความสงบไม่มีความจำเป็น
“ผมคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมาก เมื่อสองคืนก่อน เราต้องรับมือกับมวลชนมหาศาล และอาจจะเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ แต่ประเด็นสำคัญก็คือ นี่เป็นการรวมตัวและการประท้วงอย่างสงบ” เชกล่าวกับ CNN
นอกจากนี้ เขายังเสริมว่า วาทะอันเกรี้ยวกราดของประธานาธิบดี ที่สั่งให้เหล่าผู้ว่าการรัฐ “ควบคุม” ผู้ประท้วง ไม่ได้ช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายประสบความสำเร็จแต่อย่างใด
“ผมคิดว่าสิ่งที่จำเป็นในขณะนี้ก็คือ การร่วมมือกัน ยิ่งมีการแบ่งแยกจากคนจำนวนมากน้อยลงเท่าไร เราก็ยิ่งมีคนร่วมมือกับเรามากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเรารับฟังกันมาก มองเห็นกันมาก พูดคุยกันมาก โกรธกัน ทะเลาะกันมาก แต่สุดท้ายเราก็จะได้รับการเยียวยา และมันต้องเริ่มในทุกระดับของสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง ตัวผมเอง ผู้บังคับใช้กฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันต้องเริ่มตั้งแต่ระดับประชาชนเลยทีเดียว”
ด้านนายกเทศมนตรีเดอ บลาซิโอ ก็กล่าวในการสัมภาษณ์ทางวิทยุว่า นายคูโอโมติดหนี้ “คำขอโทษต่อเจ้าหน้าที่ทั้งชายและหญิง 36,000 คน ที่ทำงานอย่างหนักและเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพื่อประชาชนทุกคน” การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กถือเป็นการดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ของกรมตำรวจนิวยอร์ก ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมในฐานะผู้นำ