พี่สาว "วันเฉลิม" เผย ได้ยินเสียงชายพูดภาษากัมพูชา ก่อนน้องชายร้อง "หายใจไม่ออก"
สินันตา พี่สาว วันเฉลิม ได้ยินเสียงชาย 4-5 คนพูดกัมพูชา ระหว่างน้องชายส่งเสียงร้อง "โอ๊ย หายใจไม่ออก" เกือบ 30 นาที ก่อนเจอตัดสายทิ้ง เชื่อยังมีหวัง ขอสังคมช่วยกดดัน
กรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 37 ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่พักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา ถูกอุ้มหายตัวไปจากบริเวณหน้าคอนโดมิเนียม ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อเวลา 17.54 น. วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดินลงมาซื้อลูกชิ้นหน้าคอนโดฯ
น.ส.สินันตา สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ วัย 47 ปี พี่สาวของนายวันเฉลิมหรือต้าร์ กล่าวกับ 'วอยซ์ออนไลน์' ว่า ตนเป็นคนที่พูดคุยกับนายวันเฉลิมคนสุดท้าย ซึ่งเสียงที่ได้ยินคือ "โอ๊ย หายใจไม่ออก" อยู่เป็นระยะตลอด 30 นาที แทรกด้วยเสียงของผู้ชาย 4-5 คน พูดภาษากัมพูชา ก่อนสายจะตัดไป และติดต่อไม่ได้อีกเลยทุกช่องทาง
"ตอนแรกนึกว่าต้าร์ถูกรถชน เลยรีบติดต่อคนที่นั่นให้ช่วยเหลือ แต่ต่อมามีคนบอกว่า ต้าร์โดนอุ้ม" เธอเล่า
"นอนไม่หลับเลย ได้ยินทั้งหมด คุยกับเขาทุกวัน คุยเรื่องงานกัน งานไปถึงไหนแล้ว แผนธุรกิจเป็นยังไง ตั้งใจว่าหมดโควิด จะพาทีมงานไปดูเรื่องนี้ต่อ เราก็เลยทำใจไม่ได้ คนที่เราคุยกันทุกวันหายไปโดยไม่รู้เป็นยังไง"
น.ส.สินันตา บอกว่าขณะนี้เธอ น้องชาย และคู่ค้าชาวกัมพูชา อยู่ระหว่างวางแผนงานด้านธุรกิจเกษตรกรรมและส่งออก โดยคู่ค้าเป็นผู้ดำเนินการติดตามการหายตัวไปของนายวันเฉลิมให้ รวมถึงได้รับการประสานงานจากสหประชาชาติ (UN) เพื่อช่วยเหลือในการเร่งติดตามคดีเช่นกัน
"เขาอยากทำเกษตรกับต้าร์และแจ้งว่าจะช่วยติดตามเรื่องให้ในฐานะน้องรัก เขาอัปเดตให้เราตลอดในเวลาที่เราเหมือนคนตาบอดหูหนวก" เธอกล่าวและว่า ตอนนี้มีข่าว 2 กระแส คือ 1.อาจช่วยน้องชายไม่ได้ กับ 2.ยังพอมีความหวัง เนื่องจากต้าร์ถูกจับไปสอบสวนเท่านั้น
ทั้งนี้ น.ส.สินันตา กล่าวว่า 'คุณแม่' ได้รับทราบข่าวแล้ว และค่อนข้างเข็มแข็งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"คุยกับแม่แล้ว คุณแม่เข้มแข็งมาก และบอกว่าตัวเองทำใจตั้งแต่ 6 ปีก่อนแล้วว่าเขาเลือกทางเดินของเขา แต่เราเองทำใจไม่ได้" เธอกล่าวและหวังว่า สังคมจะช่วยกันกดดันและมีส่วนให้น้องชายปลอดภัย
ถอยห่างการเมืองแล้ว
น.ส.สินันตา เล่าว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พยายามเน้นย้ำกับนายวันเฉลิมเสมอให้ถอยห่างและลดการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง มุ่งหน้าทำธุรกิจอย่างเต็มตัว โดยไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น
"ก่อนหน้านี้มีคนแนะนำให้เขาไปยุโรป แต่เราคุยกันเเล้ว ตกลงกันว่าจะถอยห่างจากการเมืองเลยไม่ได้ไป เราย้ำเสมอกับต้าร์ โฟกัสธุรกิจนะช่วงนี้ ทุกอย่างก็ดูเดินไปด้วยดี ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แปลกใจมาก แต่คนบอกเราว่าโอกาสยังมี อาจจะเรียกไปสอบเพราะต้าร์ห่างจากเรื่องการเมืองมานานแล้ว เราเคยคุยกันแล้วว่าเพลาๆ การเมืองได้ไหมเพราะว่าการเมืองไม่อิ่มท้อง ไม่ใช่ธุรกิจนะ"
ทั้งนี้ น.ส.สินันตา เล่าว่า น้องชายเป็นเด็กกิจกรรมและชอบทำงานด้านสังคมมาตลอด เพื่อหาเงินเรียนมหาวิทยาลัย กระทั่งเข้าสู่เส้นทางการเมือง