ลูกชายคนกลางเก็บกด "แม่ลำเอียง" ไม่แบ่งเงินเยียวยาให้ จุดไฟเผาบ้านขู่ผูกคอตาย
ลูกชายคนกลางน้อยใจแม่รักลูกไม่เท่ากัน ตัวเองเดือดร้อนยังไม่แบ่งเงินเยียวยาให้ แต่เอาไปต่อเติมบ้านให้พี่ชาย
(7 มิ.ย.63) ร.ต.อ.ณภัทร สุทธิธนากูล รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีคนจุดไฟเผาบ้านตัวเอง จึงได้ประสานหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ พร้อมรถดับเพลิงของ อบต.นางรอง ร่วมตรวจสอบและระงับเหตุเพลิงไม้
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ซึ่งเปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ ต.นางรอง อ.นางรอง พบเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณที่เก็บซากรถจักรยายนต์ ด้านหลังร้าน หน่วยกู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถระงับเพลิงไว้ได้ หลังเพลิงสงบพบมีซากรถและตัวบ้านด้านหลังถูกไฟไหม้เล็กน้อย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับไว้ได้ทัน
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายวุฒิชาติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นลูกชายคนกลางของบ้าน จากลูกทั้งหมด 3 คน ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองเป็นคนจุดไฟเผาบ้านที่เปิดเป็นร้านซ่อมรถจริงสาเหตุเพราะน้อยใจพ่อกับแม่มาหลายครั้ง ตั้งแต่แม่ไปกู้เงิน ธกส.มา จำนวน 300,000 บาท มาสร้างบ้านเปิดเป็นร้านซ่อมรถให้พี่ชายอยู่ ส่วนตัวเองกับน้องชาย ต้องไปอาศัยอยู่บ้านหลังเก่า แต่สภาพเป็นที่ลุ่ม เพราะบ้านหลังใหม่ถมสูง เมื่อฝนตกหนักน้ำก็จะท่วม จึงจำเป็นต้องมาหาที่อยู่ใหม่ใกล้กัน และคิดน้อยใจมาโดยตลอด เพราะตนกับน้องชายเป็นคนใช้แรงทำไร่มันและนาข้าว แต่พี่ชายกลายเป็นนายช่างใหญ่
จุดที่ตนทนไม่ได้คือพ่อกับแม่ ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลเดือนละ 5,000 บาท สองคนรวมเดือนละ 10,000 บาท แต่กลับเอาเงินที่ได้มา ไปต่อเติมบ้านให้กับพี่ชายอีก ส่วนตัวแม่ยื่นเงินให้เพียง 1,000 บาท รู้สึกน้อยใจจนทนไม่ไหว จุดไฟเผารถของพี่ชายเพื่อระบายความแค้น พร้อมขู่ว่าหากแม่ยังแสดงความลำเอียงอีก ตนก็จะผูกคอตายในบ้านหลังเก่า
ด้านนางสมจิตร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี แม่ของนายวุฒิชาติ กล่าวว่า สาเหตุที่ลูกจุดไฟเผาบ้านเพราะหลังจากสถานการณ์โควิดระบาด ก็ไม่ค่อยมีงานทำให้ลูกชายไม่มีเงินจ่ายค่างวดรถที่ค้างอยู่ 2 งวด ส่วนเงินเยียวยาที่ตนเองได้จากรัฐบาล ก็เอามาทำห้องน้ำเพราะที่เดิมน้ำท่วม ไม่คิดว่าจะทำให้ลูกชายคิดถึงขั้นจุดไฟเผาบ้าน ยังโชคดีที่เจ้าหน้าที่มาดับไว้ทัน ยืนยันว่าแม่ไม่เคยลำเอียง รักลูกทั้ง 3 คนเท่ากัน แต่ต้องให้สร้างที่ทำกินก่อน หลังจากเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะให้ลูกทุกคน ส่วนเรื่องคดีแม่ไม่ติดใจเอาเรื่อง ประกอบกับไม่มีทรัพย์สินได้รับความเสียหายมาก
เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดเตือนผู้ก่อเหตุ ว่าหากทำอีกหรือทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ก็ถูกตั้งดำเนินคดีตามกฎหมาย