เปิดใจ 2 ตายายขายอาหารตามสั่งแพง ยันไม่ปรับลดราคา ไม่พอใจไม่ต้องมากิน

เปิดใจ 2 ตายายขายอาหารตามสั่งแพง ยันไม่ปรับลดราคา ไม่พอใจไม่ต้องมากิน

เปิดใจ 2 ตายายขายอาหารตามสั่งแพง ยันไม่ปรับลดราคา ไม่พอใจไม่ต้องมากิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตายายขายอาหารตามสั่ง ยันไม่ปรับลดราคาเพราะต้นทุนแพง ราคาติดไว้ชัดเจน หากไม่พอใจไม่ต้องมากิน

(8 มิ.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความระบุว่า ร้านอาหารตามสั่งตายาย เป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา คะน้าหมูกรอบ ธรรมดา 75 บาท กะเพราธรรมดา 75 บาท ข้าวผัด 65 บาท พิเศษ 85 บาท น้ำ 20 บาท พร้อมฝากถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยดูแลด้วยว่าแบบนี้เอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่  พร้อมกับถ่ายภาพหน้าร้านอาหารตามสั่งจุดเกิดเหตุ ทำให้มีเพจสาธารณะเข้ามาแชร์และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ร้านอาหารตามสั่งตา-ยาย “แดงอาหารตามสั่ง” ตั้งอยู่เลขที่ 6/2 หมู่ 13 บ้านเทื่อม ริมถนนอุดรธานี -บ้านผือ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ ซึ่งเป็นห้องเช่าปูนชั้นเดียว พบ นายศักดิ์ชัย เชี่ยวขจร อายุ 71 ปี และ นางแดง จันทร์พิรักษ์ อายุ 66 ปี  สามีภรรยาเจ้าของร้าน อยู่ที่ร้านที่เปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง หน้าร้านมีตู้กระจกใส่วัตถุดิบในการทำอาหาร และติดสติกเกอร์สีแดงและเหลือง ตัดเป็นข้อความ “ตามสั่งรสเด็ด ข้าวผัด คะน้าหมูกรอบ กะเพราทะเล” ส่วนที่ผนังภายในร้านมีการตัด สติกเกอร์สีแดงและเหลือง ติดเป็นเมนู และราคาอาหารไว้ว่า 65-70-75  ซึ่งหากสั่งไข่ดาว เพิ่มราคาอีก 10 บาท

นายศักดิ์ชัย เชี่ยวขจร เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า  ก่อนหน้านี้พวกตนขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด แต่มาเปิดร้านขายอาหารตามสั่งที่นี่มา 7-8 ปี  โดยเช่าร้าน 2,000 บาท จะเขียนราคาอาหารและน้ำดื่มติดไว้ฝาผนังร้านไว้ก่อนแล้ว  ก่อนโควิด-19 ระบาด ขายได้วันละ 10-20 จาน แต่มาทุกวันนี้ขายได้ 3-5 จาน มีลูกค้าในหมู่บ้านมากินประจำ  ร้านอื่นเจ๊งหมด เมื่อก่อนขายราคา 40 บาท ก็มีลูกค้า 2-3 คนโวยวายว่าขายแพง มาตอนนี้จะมาให้มาขายราคาเดิมไม่ได้ ต้นทุนของแพง ตนขายได้วันละ 200-300 บาท ก็อยู่ได้ พอใจ เพราะเราไม่มีหนี้

นายศักดิ์ชัย กล่าวต่อไปว่า  เมื่อบ่ายวานนี้ มีลูกค้าขาจร เป็นผู้ชาย มาสั่งอาหารใส่กล่อง 5 กล่อง คะน้าหมูกรอบ 3 กล่อง กล่องละ 75 บาท กะเพราหมูกรอบ 1 กล่อง กล่องละ 75 บาท  ข้าวผัด 1 กล่อง 65 บาท ลูกค้า นั่งรอที่โต๊ะ เสร็จแล้วตนคิดเงิน 385 บาท เขาโวยวายต่อว่าตนขายแพง ตนก็อธิบายว่า ราคาไม่แพง เพราะต้นทุนมาแพง ผมอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับ โกรธผม ด่าผมเสียหายว่า ขายวันเดียวก็รวยแล้ว ผมก็บอกให้ว่าไปบอกลูกหลานคุณมาขายนะ ตนติดราคาไว้ ทำไมไม่ดู ทำไมไม่ถามราคา ถ้าคิดว่าราคาแพงก็ไม่ต้องกิน ไม่ต้องซื้อ

โดยเมื่อเช้ามีตำรวจมา 2 คน มาที่ร้าน บอกกับตนและยายว่า ทราบหรือไม่ว่ามีคนไปโพสต์เฟซบุ๊กว่าขายอาหารแพง ตนก็บอกว่าตอนโต้แย้งกัน อธิบายว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมรับ ราคาก็ติดให้ดู สมมติว่า คนตาบอดจะไปซื้อน้ำปลาซักขวด คนซื้อกับคนขายต้องถามราคากัน ถ้าไม่ถามจะซื้อกันได้อย่างไร คนซื้อต้องถามราคา ไปอ้างว่าไม่เห็นราคา ทั้งที่นั่งอยู่แล้วมองป้ายราคาอาหาร ก็เห็นอยู่แล้ว ราคาติดอยู่ตรงหน้าจะมาบอกว่าไม่เห็น ไม่รู้เรื่อง เมื่อก่อนขาย 40 ขึ้นมา 65 แล้วก็ 75 อาหารทะเลต้องงดขายเพราะกุ้ง หมึก มันราคาแพงขึ้น ส่วนน้ำอัดลมขวดละ 20 บาท น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท

นายศักดิ์ชัย เปิดเผยอีกว่า แม้ใครจะว่าขายแพงยังไงก็ช่าง ตนก็จะไม่ปรับราคา จะขายในราคาเดิม เพราะปรับไม่ได้ ทุกวันนี้ของแพง แก๊สแพงขึ้นมาเรื่อยๆ  น้ำมันพืชแพง จะให้ขายอยู่ในราคาเดิมได้อย่างไร ขายไม่ได้กำไร ตนลงทุนมากแต่ขายได้น้อย ก็เจ๊งอยู่ไม่ได้ ต้องปรับราคาตามต้นทุน  ทุกวันนี้ก็ขายอาหารไม่ได้เงินอยู่แล้ว ขาดทุน ได้แค่ค่าเช่า บางวันก็ได้แค่ค่ากิน ถ้าราคาแก๊สลดลง น้ำมันพืชลดลง หรือ ต้นทุนลดลง ก็จะขายลดราคาลง 

ส่วนคะน้าหมูกรอบตนขายราคา 75 มานานแล้ว อาหารตนอร่อย ได้เยอะ ไม่มีใครเทียบได้ ร้านตนดังอยู่แล้ว เคยมีคนมาเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง 20-30 เจ้า แล้วก็เจ๊งหมด เขาคงคิดว่าขายอาหารตามบ้านนอกต้องราคา 20-30 บาท แต่เขาไม่คิดว่าต้นทุนมันแพง ตนเลยต้องขายแพง ทั้งที่ตนไม่ได้คิดค่าแรงกุ๊กและคนเสิร์ฟอาหารด้วยซ้ำไป ซึ่งตนกำลังสั่งทำป้ายใหม่ ด้วย

ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะผู้เสียหายไม่ได้ไปแจ้งความเพียงแค่โพสต์ในโซเซียล และเจ้าของร้านก็มีติดราคาให้ลูกค้าเห็นชัดเจน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook