ช่วงหนึ่งของชีวิต "สิตางศุ์ บัวทอง" จิ๊กโก๋เลือดเดือด สู่เจ้าแม่ "ส้มหยุด" ขวัญใจแฟนๆ

ช่วงหนึ่งของชีวิต "สิตางศุ์ บัวทอง" จิ๊กโก๋เลือดเดือด สู่เจ้าแม่ "ส้มหยุด" ขวัญใจแฟนๆ

ช่วงหนึ่งของชีวิต "สิตางศุ์ บัวทอง" จิ๊กโก๋เลือดเดือด สู่เจ้าแม่ "ส้มหยุด" ขวัญใจแฟนๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฮอตสุดๆ แบบฉุดไม่อยู่ สำหรับไอดอลแม่ทุกสถาบัน  สิตางศ์ุ บัวทอง เจ้าแม่ "ส้มหยุด" ในตำนาน และเจ้าของคำพูดติดปาก "สะบัดต่อ ไม่รอแล้วนะ" ที่โด่งดังในโลกโซเชียล จนตอนนี้ชีวิตของเธอพลิกผันขั้นสุดกลายเป็นคนดัง เดินสายออกรายการ ให้สัมภาษณ์ มีงานงานโฆษณา พรีเซ็นเตอร์มาต่อคิวแน่นเอี๊ยด แถมคนดังเกือบค่อนวงการยังพากันคัฟเวอร์เป็นแม่สิตางศุ์กันไม่เว้นแต่ละวัน และยังมีแฟนๆ ติดตามเพิ่มขึ้นแบบพุ่งกระฉูดมียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นนับแสนภายในไม่กี่วัน 

ฮอตแบบนี้พลาดไม่ได้ sanook.com ต้องขอคว้าตัวแม่สิตางศุ์ของทุกๆ คน มานั่งพูดคุยเรื่องราวชีวิตในอีกมุมที่หลายคนยังไม่ค่อยได้สัมผัสและเปิดตัวตนที่แท้จริงเบื้องหลังความสนุกเฮฮานั้นแท้จริงแล้วเธอมีอะไรให้เราค้นหาบ้าง

จาก "สะบัดต่อ ไม่รอแล้วนะ" จน ถึง "ส้มหยุด" ตอนนี้ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหน?

"ตอนสะบัดต่อ ไม่รอแล้วนะ ตอนนั้นคนรู้จักแล้วนะ มีงานแถบอาเซียนที่จ้างเราไปงานเยอะมาก งานในไทยมีบ้างประปราย เพราะตอนนั้นในไทยเราโดนบูลลี่เยอะม แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่เน็ตไอดอลสายรีวิวโดยตรงแต่เราดังเรื่องเต้นและโชว์งานผับ งานปาร์ตี้ ตอนนั้นเราก็รับงานพริตตี้ รับจ้างล้างรถตามงาน แต่งานต่างประเทศเยอะมากเพราะทางต่างประเทศเขาเห็นคลิปเต้นของเรา แล้วคนเอาไปคัฟเวอร์เยอะ เขาก็เลยจ้างเราไปออกงาน ไปงานปาร์ตี้ต่างๆ เริ่มจากฟิลิปินส์ แล้วก็ขยายไปเรื่อยๆ เราก็เดินสายตรงนั้น"

"ขณะที่ในไทยบูลลี่เราในส่วนของงานรีวิวต่างๆ เราก็ไม่รู้เรื่องเพราะเราไม่ได้สนใจ อาจจะเห็นบ้างที่คนส่งมาให้ดู เราก็รู้สึกแค่ว่า เออ ด่าแรงเนอะ ด่าเราซะเละเลย แต่เราก็เฉยๆ ทำงานของเราไปเพราะก็มีงานหนัง งานมิวสิควิดีโอด้วย ส่วนส้มหยุดเป็นกระแสในประเทศไทยล้วนๆ เลย ก็เลยได้ออกทุกช่อง ทุกรายการ เดินสายจนไม่มีเวลาไปไหนเลยเพราะคิวเต็มไปเดือน สองเดือนแล้ว"

คิดไหมว่าจะดังขึ้นมาแบบนี้?

 "ไม่มีใครคิดหรอก แต่เราเป็นคนชอบวงการบันเทิงอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ รับหนังสือดาราประจำ เป็นคนธรรมดาที่คลั่งดาราอยู่แล้ว รวมถึงเป็นเด็กกิจกรรม เวลามีงาน ร้อง เต้น อะไรที่โรงเรียนเราก็เอาหมด ตอนนี้ก้รู้สึกว่าตัวเองดังมากเพราะเราไม่ได้นอนเลย สุขภาพก็ไม่ค่อยดีละ มีภาวะพักผ่อนน้อย มีโรคหัวใจโตตั้งแต่ตอนรับงานเยอะๆ ช่วงสะบัดต่อแต่พองานซาลงก็ดีขึ้น แต่ตอนนี้อาการเริ่มมาอีกแล้วเพราะทำงานไม่ได้นอนเลย"

สิตางศุ์ บัวทอง

ค่าตัวตอนนี้สูงมากไหม?

"ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะสูงอยู่แล้ว จริงๆ ค่าตัวสูงมาตั้งแต่สะบัดต่อฯ แล้ว ตอนนี้ก็อยู่ที่ 6 หลัก ถ้างานหนังก็ 7 หลัก งานโชว์ก็เป็นพริตตี้ค่าตัวแพงอยู่แล้ว"

เป็นพริตตี้ค่าตัวแพง เจองานแปลกๆ มาจ้างบ้างไหม?

"มี เพราะเราสายเซ็กซี่ สายเต้น ก็มีมาจ้างให้ไปเต้นแก้ผ้าให้ดูในห้อง ค่าจ้างเยอะอยู่แต่เราไม่ได้รับเรากลัวโดนมันฆ่าเพราะดูแล้วว่าคนจ้างมันต้องไม่ได้สติดีเท่าไหร่ บอกว่าเขาจะนอนอยู่บนเตียง ให้เราเต้นถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นให้ดู เราไม่ไปหรอก รู้สึกว่าอันตราย เพราะให้เราไปคนเดียวเขาจะขับรถมารับ"

เรื่องบูลลี่ยังโดนอยู่ไหม?

"ก็ยังมี คนอิจฉามันก็อิจฉาอยู่ตลอด แต่เราไม่ใช่นางเอกที่จะต้องมานั่งร้องไห้กับทุกคำด่านะ บอกตรงๆ ถ้าไม่ใช้เฟซปลอม แอคเคาท์ผีมาด่า ถ้าเดินมาด่ากันต่อหน้านี่ได้กองกับพื้นแล้ว เพราะพูดเลยว่าเราเป็นคนใจดี แต่ไม่ใช่คนดี 100% ลองมาด่าต่อหน้าสิจะเตะให้คลานเลย เห็นอายุจะ 60 แบบนี้ยังไหวนะ ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ยิมมวยมาก็เยอะ"

เมื่อก่อนก็ห้าวหน้าดู?

"เห็นแบบนี้กระทืบมาหมดแล้ว เพราะแม่เป็นจิ๊กโก๋มา 40 ปี ไปตีกับเขามาทั่วแล้วไปตื่นอีกทีที่โรงพยาบาลศิริราช เพราะเมื่อก่อนแม่เป็นผู้ชายไงและเราอินอยู่ในความเป็นผู้ชายเพราะตอนนั้นเรากลัวแม่เราอาย ตอนนี้บางคนที่รู้จักบังติดภาพดราตอนนั้นเลย ตอนนั้นก็มีช่วงเป็นพระ เป็นอาเสี่ยคุมงาน เป็นจิ๊กโก๋ พอเราไม่มีแม่แล้วเราก็แต่งหญิงเต็มสตรีม ตอนไปตีกับชาวบ้านเราไม่ใช่ทรงนี้ ไม่ได้อ้อนแอ้น มีซิกแพค มีกล้าม เราเล่นกล้าม เข้ายิม โหนบาร์ โดดเชือก ซิทอัพ ทำหมดแบบแมนๆ คุยกันเลย"

"ชีวิตเราเป็นของแม่แบบที่เราเต็มใจ เราเต็มใจที่จะเป็นผู้ชายแบบนั้นเพื่อไม่ให้แม่อาย เพราะแม่เราแซ่ตั้ง เป็นคนจีนก็รู้กันอยู่เมื่อก่อนไม่ได้เปิดกว้างเหมือนยุคสมัยนี้ เขาแอนตี้มากๆ  แต่พอเรามาเป็นตัวตนเราเองแบบนี้เราก็เต็มที่ ตอนนั้นที่เราเป็นผู้ชายถามว่าลำบากใจ ทรมานใจไหม ก็ไม่นะ เพราะเราเห็นแม่มีความสุขเราก็สบายใจ ความรักของเราคือการให้ ไม่ใช่การรับ เมื่อเราให้จนคนที่เรารักมีความสุข เราก็มีความสุขเช่นกัน แม่ตีค่าความรักไว้สูง ไม่ว่าเป็นคน หรือสัตว์เลี้ยง อะไรก็ตามถ้าเป็นสิ่งที่ฉันรัก ใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ฉันเป็นคนแบบว่า "ฉันตายได้ แต่คนที่ฉันรักตายไม่ได้" เคยมีมาแล้วนะ ด่าลูกหมาฉันก็โดนฉันตบ"

สิตางศุ์ บัวทองภาพเราคือตัวแทนแห่งความสนุกสนาน รอยยิ้ม แล้วตัวตนจริงๆ เราเป็นคนแบบไหน?

"เป็นคนจริงจัง เป็นคนขี้กังวล ทุกอย่างต้องเป๊ะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องงานกับเราต้องเป๊ะ งานพลาดปุ๊บต้องออกเลย อย่างตอนเรียนถ้างานพลาดปุ๊บต้องออกจากกลุ่มไปเลย เรื่องงานห้ามเสีย เป็นคนดุนะตอนทำงาน เพราะเมื่อก่อนคุมงานก่อสร้าง ใครมาเถียงฉัน ฉันเอาเรื่องนะ บางเรื่องถ้าไม่เด็ดขาดไม่ได้ เราไม่ให้โอกาสคนทำงานพลาดเพราะก่อนพลาดเรามีโปรเจ็กต์มีแผนงานอยู่แล้ว ตอนนี้เราก็เป็นแบบนั้น อยู่ในวงการไม่เคยไปงานสายเต็มที่กับงาน" 

หลังจากนี้วงแผนไว้ยังไงบ้าง?

"เราตั้งใจไว้นานแล้วว่าเดี๋ยวเราจะดูที่สัก 10 ไร่ ที่ จ.พิจิตร เป็นบ้านสามีที่เราใช้ชีวิตอยู่กันก่อนจะดัง บั้นปลายชีวิตเราจะทำเป็นที่อยู่อาศัยและสถานปฏิบัติธรรม เพื่อจะให้แฟนคลับหรือคนที่อยากมาปฏิบัติธรรมได้มาร่วมทัวร์ปฏิบัติธรรมพร้อมกับการพักผ่อน นวด สปา บำบัด อยากทำให้ออกมาเป็นรูปแบบนั้น เป็นแพลนบั้นปลายชีวิตเรา ตอนนี้ก็กำลังเริ่มทำแล้วเพราะเราใกล้จะ 60 แล้ว คิดไว้ว่าจะทำงานแสดงอีกสักปี สอง ปี เราก็คงพอละ ก็เลยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องกระแส เรื่องยอดตกอะไรเราเท่าไหร่นัก"

"เพราะเอาจริงๆ เราเป็นแม่ค้า เราขายของ ชีวิตเราเต็มมาอยู่แล้ว อะไรที่เราได้มาเพิ่ม ได้ความดัง ได้เป็นดารา มันถือว่าเป็นกำไร เป็นของขวัญของชีวิต ถ้าของขวัญจะน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นสิ่งที่เราได้มาเปล่าๆ ทุกวันนี้งานคือ เดินสายไปออกรายการเล่าประวัติชีวิตตัวเอง มันง่ายมากแล้วเราก็ได้ค่าตัว ตอนทำสะบัดต่อฯ ยากกว่านี้อีก ต้องไปเต้นโชว์จนคอเคล็ดกันไปเลย แต่ส้มหยุดเนี่ยเหมือนสวรรค์จัดสรร เพราะเราโดนเอาเปรียบตอนสะบัดต่อฯ เยอะ ตอนนั้นไม่มีใครจ่ายลิขสิทธิ์ให้เราเลยนะ ทั้งบริษัทเล็กบริษัทใหญ่ ขนาดมหาชน เอาคำนี้ของเราไปใช้กันทั้งนั้น ไม่ให้อะไรเราสักบาท แบบนี้เรียกว่า "โกงต่อ ไม่รอแล้วนะ" 

มาถึงเรื่องความรัก 13 ปี บ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้ที่อยู่กันอย่างมีความสุขก็โดนมาเยอะ?

"อย่างที่เห็นความรักมันไม่จำกัดเพศหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ใช่ความสวย มันคือคำว่าครอบครัว ความห่วงใยกัน ตอนนี้เรามีความสุขค่ะแต่กว่าจะสงบสุขนี่ก็มีโดนสบประมาทมาเยอะมาก มีคนบอกแฟนเราว่าชาตินี้ก็ไม่มีทางได้เหมือนผู้หญิง มีถึงขนาดมีผู้หญิงใส่กางเกงสั้นๆ ขึ้นมาอ่อยแฟนเราถึงบนบ้านโดยที่แม่เขาสนับสนุนเพราะแม่เขาอยากให้เลิกกับเรา มาอ่อย มานอนบนเตียงเลย แล้วก็มาพูดกับเราแบบนั้นน่าตบมาก เราก็ไล่ตะเพิด จะไปต่ำที่ไหนก็ไป อย่ามาต่ำที่นี่ แต่ตอนนี้เรามาสร้างครอบครัวกันก็ไม่มีอะไรแบบนั้นแล้ว"

"ตอนนี้กับแฟนเราเป็นครอบครัว เราเข้าใจกัน ออกจากบ้านก็หอมแก้มกัน เขาก็เป็นห่วงเป็นใยเราดีตลอด เราสองคนคิดแค่ว่าใครจะตายก่อนเท่านั้นเองตอนนี้ แย่งกันตายก่อน"

สิตางศุ์ และหวานใจชีวิตตอนนี้มีความสุขมากแล้ว?

"มากค่ะ จริงๆ มีความสุขตลอด เมื่อก่อนเก็บผัก ตำน้ำพริกกินกัน ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น ตัวเราจะเป็นสถานภาพไหนก็ตามแต่ใจเราไม่เปลี่ยน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมค่ะ"

มีอะไรอยากฝากบอกแฟนๆ บ้าง?

"ต้องขอบคุณทุกคนนะคะ ทุกกำลังใจ ทุกคำแนะนำและทุกๆ ความเป็นห่วง ต้องบอกว่าเมื่อก่อนประสบการณ์ในวงการอาจจะน้อย แต่ตอนนี้ขอยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ แมีมีบทเรียนจากเรื่องต่างๆ มาเยอะแล้ว ขอบคุณที่ชื่นชอบ ที่รักแม่ ไม่ต้องห่วงเพราะฉันเป็นคนไทย คนไทยแปลว่าอิสระ ฉันไม่ยอมเป็นทาสใครนะคะ"

สิ่งที่คุยกันในวันนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของเจ้าแม่ส้มหยุดคนนี้ เบื้องหน้าที่แสนสดใส มอบรอยยิ้มได้ทุกเวลานั้น ช่วงชีวิตที่ผ่านมาเกือบ 60 ปีของเธอ ช่างมีเรื่องราวที่น่าค้นหามากมาย มีทั้ง สุข เศร้า ดุดัน ครบรสจริงๆ 

 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ช่วงหนึ่งของชีวิต "สิตางศุ์ บัวทอง" จิ๊กโก๋เลือดเดือด สู่เจ้าแม่ "ส้มหยุด" ขวัญใจแฟนๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook