ภาคีพระวิหาร ผิดหวัง กษิต เกียร์ว่างให้ เขมร

ภาคีพระวิหาร ผิดหวัง กษิต เกียร์ว่างให้ เขมร

ภาคีพระวิหาร ผิดหวัง กษิต เกียร์ว่างให้ เขมร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยื่นหนังสือกมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน คัดค้านนำวาระร่างข้อตกลงชั่วคราวเข้าสภาฯ หวั่นหมกเม็ด จี้นายกฯ ละเลย ชง กษิต ลาออกหากปกป้องประเทศไม่ได้

ที่รัฐสภา ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ในฐานะภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร ยื่นหนังสือต่อนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อคัดค้านการนำวาระร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา เข้าสู่การพิจารณาขอความเห็นชอบจาก รัฐสภาตามมาตรา 190(2) ในวันที่ 28 สิงหาคม

ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวว่า เครือข่ายฯขอคัดค้านกรณีที่รัฐสภาจะพิจารณาข้อตกลงของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เนื่องจากจะเป็นการนำไปสู่การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ของกัมพูชา ทั้งนี้น่าสังเกตว่า ร่างข้อตกลงดังกล่าวรีบเสนอเข้ามา และมีการหมกเม็ด เลี่ยงบาลี หลายจุด ตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อเรียกการแก้ปัญหาจากเรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นเรื่องพื้นที่ระหว่างภูมะเขือกับช่องตาเฒ่า รวมไปถึงการบังคับให้ไทยต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ซึ่งหมายถึงว่าเป็นการยอมรับให้กัมพูชาได้ครอบครอง แม้แต่วันนี้คนไทยก็ไม่สามารถขึ้นไปที่ผามออีแดง ซึ่งเป็นเขตของไทยชัดเจนไม่ได้อยู่แล้ว

"ข้อตกลงนี้พร้อมที่จะนำไปสู่การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ ด้วยความสนับสนุนอย่างแข็งขันจากไทยโดยผ่านขั้นตอนการปฎิบัติตามกฎหมายในประเทศ ทันทีที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพรรคการเมืองแต่เป็นเรื่องประเทศชาติ อยากให้นายกรัฐมนตรีใส่ใจมากกว่านี้" ม.ล.วัลย์วิภา กล่าว

ขณะที่นายเทพมนตรี ได้แสดงแผนที่ประเทศกัมพูชาซึ่งมีตรายูเนสโกประทับไว้ด้านล่าง โดยอธิบายว่า เป็นแผนที่ที่กัมพูชาจัดทำขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เตรียมที่จะประกาศใช้หลังจากที่ยูเนสโกรับรองการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก หลังวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 โดยแผนที่ดังกล่าวจะเปลี่ยนหลักหมุดที่ 73 ซึ่งอยู่ที่บ้านหาดเล็ก จ.ตราด ทำให้ปราสาทตาเมือนธม ตกเป็นของกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาเตรียมแผนที่จะประกาศเป็นมรดกโลกต่อจากปราสาทพระวิหาร รวมทั้งยังไปเปลี่ยนพิกัดในทะเลอ่าวไทยทำให้ไทยต้องสูญเสียบ่อน้ำมันขนาด 5.5 ล้านล้านบาเรล ซึ่งปัจจุบันแบ่งกับกัมพูชา ในอัตราส่วน 80/20 จะกลายเป็น 20/80 ทันที

นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า วันที่ 25 สิงหาคม ตั้งแต่ 09.00 น.ที่อาคารรัฐสภา 2 จะมีการเสวนาเรื่องพื้นที่ 4.6 ตร.กม. โดยตนจะนำเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศที่ทำถึงสำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ยอมรับว่า คณะกรรมการมรดกโลกขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้กับกัมพูชาฝ่ายเดียว ทั้งที่วันที่ยูเนสโกลงมติคือ 7 กรกฎาคม 2551 แสดงว่ากระทรวงต่างประเทศรู้ผลการตัดสินล่วงหน้าแล้วแต่ไม่ได้ดำเนินการอะไร ส่วนที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปคัดค้านในการประชุมที่ประเทศสเปนนั้น ไม่พบหลักฐานว่ามีการคัดค้านจริง มีแต่การให้สัมภาษณ์ของนายสุวิทย์เท่านั้น แต่ข้อมูลของตนคือนายสุวิทย์ กลับไปเซ็นชื่อรับรองให้กระบวนการขึ้นทะเบียนเดินต่อไปข้างหน้าได้

"ตั้งแต่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ได้ไปลงนามแถลงการณ์ร่วมยอมรับให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ฝ่ายเดียว หลังจากนั้นแม้เปลี่ยนรัฐบาลแต่กระบวนการต่างๆก็ดำเนินการต่อไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่เอาใจใส่กับเรื่องนี้ ส่วนนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่เคยมีท่าทีแข็งกร้าวบนเวทีพันธมิตร ก็ไม่สนใจเมื่อผมนำเอกสารไปให้อ่าน ก็อ้างว่าเอาลืมไว้ที่บ้านไม่ยอมอ่าน ผมคิดว่าถ้านายกษิตปกป้องอธิปไตยของชาติไม่ได้ก็ควรจะลาออกไป" นายเทพมนตรี กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook