หนุ่มใหญ่กราบขอโทษ ขับขวางรถกู้ชีพมีผู้ป่วยวิกฤต สารภาพขับไปเล่นโทรศัพท์ไป

หนุ่มใหญ่กราบขอโทษ ขับขวางรถกู้ชีพมีผู้ป่วยวิกฤต สารภาพขับไปเล่นโทรศัพท์ไป

หนุ่มใหญ่กราบขอโทษ ขับขวางรถกู้ชีพมีผู้ป่วยวิกฤต สารภาพขับไปเล่นโทรศัพท์ไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดกู้ชีพ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ได้โพสต์คลิป ขณะนำผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 54 ปี ซึ่งวิกฤตเส้นเลือดในสมองตีบ ต้องนำตัวส่ง รพ.ชุมพรอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ถึงมือแพทย์ ภายใน 3 ชม. แต่ระหว่างทางได้มีรถยนต์กระบะ สีบรอนซ์ ขับขวางรถกู้ชีพในลักษณะไม่ยอมให้ผ่านไป และพยายามขับปาดไปมา แม้ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ประกาศแจ้งผ่านเครื่องขยายเสียง บีบแตร แต่รถคันดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหลบให้

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 9 มิถุนายน 63 ทาง พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย  ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร ตรวจสอบเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว จนทราบชื่อ นายทะนง อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของรถ จึงได้ติดตามตัวมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองชุมพร พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.ทุ่งคา มาชี้ตัวและรถคันก่อเหตุ

โดยนายปิยะพงษ์ อรุณศรี อายุ 32 ปี หัวหน้ากู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งคา คนขับรถกู้ชีพในวันเกิดเหตุ และเป็นผู้โพสต์คลิป ได้ให้การว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ของวันที่ 6 มิถุนายน ตนเองได้รับแจ้งจากศูนย์นเรนทร 1669 ให้ไปรับผู้ป่วยวิกฤต จากโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 54 ปี เมื่อไปถึงผู้ป่วยมีอาการชักเกร็ง ปากเบี้ยว มือเท้าชา จึงได้เร่งนำตัวเข้ารถกู้ชีพเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉิน เพื่อรีบนำส่งตัวให้ถึงแพทย์ให้เร็วที่สุด

นายปิยะพงษ์ กล่าวว่า จนกระทั่งตนเองได้ขับรถมาถึงถนนสายสี่แยกปฐมพร-เข้าเมืองชุมพร ซึ่งเพียง 8 กม.ก็จะถึงรพ.ชุมพร ก็ได้มีรถยนต์กระบะคันคู่กรณีขับอยู่ด้านหน้า แต่รถคันดังกล่าวไม่สนใจเสียงสัญญาณ และไฟไซเรนแต่อย่างใด ตนจึงได้พูดผ่านไมโครโฟน ขอให้หลบ พร้อมแจ้งว่ากำลังนำผู้ป่วยส่ง รพ. แต่คนขับรถยนต์กระบะก็ยังไม่สนใจใยดี ซ้ำยังขวางไปไม่ยอมให้แซง ทั้งที่คันอื่นๆที่อยู่ด้านหน้า ได้ขับหลบชิดซ้ายกันไปหมดแล้ว ซึ่งตนเองก็พยายามใจเย็นแต่ด้วยผู้ป่วยวิกฤต จึงต้องยอมขับรถทับเกาะสีเพื่อแซงให้ได้

นายปิยะพงษ์ กล่าวต่อว่า แต่ตนเองขับแซงได้ ก็มาเจอถนนกำลังซ่อม บีบให้เหลือเลนเดียว จึงได้ขับตามกันไป ได้สักระยะหนึ่งรถยนต์กระบะคันเดิม ก็ขับแซง และมาขวางด้านหน้าอีก ซึ่งตอนนี้ตนเองยอมรับโมโหมาก และแซงได้ จึงได้พูดออกไมโครโฟน ให้รถคันดังกล่าวจอดที่ป้อมตำรวจ ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 2 กม.คนขับคันดังกล่าว ก็ยังไม่ยอมลดละ ขับรถไล่รถกู้ชีพ พร้อมเปิดไฟสูงกระพริบไล่ตนเองอีก แต่ด้วยผู้ป่วยสำคัญ จึงไม่อยากจะใส่ใจมาก และสามารถนำตัวผู้ป่วยส่งถึงมือแพทย์ได้ทันและขณะนี้ ได้พ้นขีดอันตรายแล้วแต่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จึงฝากวอนคนใช้รถใช้ถนน ขอเลี่ยงทางให้รถกู้ชีพ เพียงเปิดทางให้รถกู้ชีพไปได้ ท่านก็สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แล้ว

ด้าน นายทนง คนขับรถยนต์กระบะที่ขวางรถกู้ชีพ ให้การรับสารภาพว่า โดยตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน ซึ่งใช้เส้นทางจากสี่แยกปฐมพร-เมืองชุมพร แต่ระหว่างที่ขับรถมานั้น ได้ใช้ความเร็วพอสมควร และตนเองไม่ได้สนใจอะไร เพราะมัวคุยโทรศัพท์มือถือกับเพื่อน โดยไม่เห็นรถกู้ชีพวิ่งมาด้านหลัง และไม่ได้จงใจจะขับขวางรถ อีกทั้งสายตาตนเองก็ไม่ค่อยดี จนกระทั่งมารู้ที่หลังว่ามีรถกู้ชีพ เปิดไซเรน มาอยู่ด้านหลัง จึงได้ขับรถเข้าชิดเลนซ้าย  โดยไม่รู้ว่าขับขวางอยู่นานแค่ไหน จึงอยากจะขอโทษทั้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย โดยเฉพาะสังคม ตนเองไม่มีเจตนาที่จะขับขวางจริง เพราะเข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องเร่งรีบ นำตัวผู้ป่วย ส่ง รพ.ให้เร็วที่สุด

ในขณะทาง พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร เปิดเผยว่า ทางตำรวจให้ความสำคัญในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างมาก หลังจากทราบเรื่องก็ได้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกหาข่าวจนสามารถรู้ตัวและได้นำตัวมาสอบสวน ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวขวางทางรถกู้ชีพจริง จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจร เป็นจำนวนเงิน 500 บาท ซึ่งขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับรถทุกคน ควรจะเคารพกฎหมาย หากพบรถฉุกเฉิน ก็ควรหลบให้ทาง หรือชิดซ้ายไปเลย เพื่อเปิดทางให้รถกู้ชีพ ได้ขับผ่านไปได้อย่างคล่องตัว เพื่อจะได้นำผู้ป่วยส่ง รพ.ให้เร็วที่สุด เพราะทุกคนไม่รู้ว่าผู้ป่วยบนรถวิกฤตแค่ไหน หากขับขวางหรือหลบช้า ก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook