เจ้าของที่ดิน 4 ไร่ ลั่นยอมตายดีกว่า ปมลูกสาวเป็นหนี้มือถือ ถูกยึดที่ดินบรรพบุรุษ

เจ้าของที่ดิน 4 ไร่ ลั่นยอมตายดีกว่า ปมลูกสาวเป็นหนี้มือถือ ถูกยึดที่ดินบรรพบุรุษ

เจ้าของที่ดิน 4 ไร่ ลั่นยอมตายดีกว่า ปมลูกสาวเป็นหนี้มือถือ ถูกยึดที่ดินบรรพบุรุษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตาประเสริฐ เจ้าของที่ดิน 4 ไร่ อ.พรหมพิราม  ลั่นขอยอมตายดีกว่าอยู่ ปมลูกสาวซื้อมือถือ กลับถูกยึดที่บรรพบุรุษ ขณะเงินที่กรมบังคับคดีขายที่ดินและบ้าน หักค่าหนี้แล้ว ให้ไปรับในวันที่  22 มิ.ย. ทางครอบครัวไม่ขอรับ แค่ขอได้บ้านคืน ส่วนลูกสาวที่ซื้อมือถือเผย พรุ่งนี้ต้องจ่ายค่าเช่าให้ผู้ที่ซื้อที่ดินและบ้านไป และเรียกค่าเช่า 3,000 บาทต่อเดือน ยังไม่มีเงินจะจ่ายให้เลย

วันที่ 9 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ  ศรีทอง อายุ 76 ปี และ นางก้อนดิน  ศรีทอง อายุ 64 ปี บิดาและมารดาของ นางสุรีพร  ศรีทอง อายุ 38 ปี ที่ได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือกับร้านแห่งหนึ่ง เป็นเงินจำนวน 27,000 บาท วางเงินดาวน์ไป 8,000 บาท ผ่อนส่งได้เพียง 2 งวด แล้วไม่ได้ส่งต่อ ทำให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนกรมบังคับคดี ต้องนำที่ดินและที่อยู่อาศัยไปขายทอดตลาดในราคา 5 แสนกว่าบาท เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าโทรศัพท์รวมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน 37,000 บาท โดยขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนเพราะจะถูกยึดที่ดินและถูกไล่ที่ จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ และเรื่องอยู่ระหว่างไกล่เกลี่ยระหว่างครอบครัวของนายประเสริฐ เจ้าของที่ดิน และบุคคลที่ซื้อที่ดินไป เนื่องจากหากจะซื้อคืนต้องซื้อในราคา 1.6 ล้านบาท ทางครอบครัวยากจนไม่มีกำลังซื้อคืนกลับมาในราคาดังกล่าว และที่ดินทั้งหมดก็เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่บรรพบุรุษอีกด้วย

นายประเสริฐ  กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะถูกกรมบังคับคดีนำที่ดินไปขายทอดตลาดนั้น มีเจ้าหน้าที่จากร้านจำหน่ายมือถือมาหาตนที่บ้าน ถามว่าตนใช่บิดาของนางสุรีพรหรือไม่ พร้อมกับนำเอกสารบางอย่างมาให้เซ็น แจ้งว่ากรมบังคับคดีส่งมา เพราะนางสุรีพรซื้อโทรศัพท์และค้างชำระ เพื่อให้ตนเซ็นรับทราบ แต่ก็ไม่รู้เป็นหนังสือเอกสารอะไร เนื่องจากตนเรียนมาน้อยอ่านหนังสือไม่ออก จึงถามย้ำกลับไปว่าใช่ใบมอบอำนาจรึเปล่า ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่อีก ไม่มีการพูดจาหรืออธิบายใดๆ ทั้งสิ้น

พอมารู้ที่หลังเหมือนถูกหลอกให้เซ็น จนโดนกรมบังคับคดีนำที่ดิน 4 ไร่ พร้อมกับบ้านที่อยู่อาศัยอีก 3 หลัง ไปขายทอดตลาด รู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน แล้วมีคนนำหมายมาติดหน้าบ้านพร้อมกับถ่ายรูป พอถ่ายรูปเสร็จก็บอกว่าให้แกะออกได้เลยไม่มีอะไร ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกโกรธลูกสาวเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ต้องถูกยึดที่ดินของบรรพบุรุษ ทำให้ พ่อ แม่ พี่ชาย เดือดร้อนไปตามๆ กัน เพียงเพราะขาดส่งค่างวดโทรศัพท์มือถือ แต่กลับถูกยึดที่ดินยึดบ้านหลักล้าน สุดท้ายก็ให้อภัยลูกเพราะยอมรับว่าตัวเองก็ผิดจริงๆ ก็รู้สึกเห็นใจ จึงอยากขอวิงวอนผู้ที่ซื้อไปให้ช่วยเห็นใจครอบครัวตนเองและลูกๆ หลานๆ ด้วย อย่าขายคืนเอากำไรมากมายเลย เพราะไม่มีหนทางจะไปทางไหนแล้ว เดือดร้อนมากๆ ถ้าถูกยึดที่ดินจริงขอตายดีกว่าอยู่

ด้าน นายศิริศักดิ์  ศรีทอง อายุ 45 ปี บุตรชาวคนโต กล่าวว่า ที่ดินพร้อมบ้านที่จะถูกยึดนั้น ทางผู้ที่ซื้อไปได้ติดต่อผ่านนางสุรีพร น้องสาว ว่าจะต้องจ่ายค่าเช่าเป็นเงินจำนวนเดือนละ 3,000 บาท โดยเริ่มจ่ายให้โอนเงินไปในวันพรุ่งนี้ ครอบครัวตนเองก็ยากจน มีภรรยาที่สายตาไม่ดี และลูกเล็กต้องดูแลอีก 3 คน รายได้ก็ไม่พอกินไปวันๆ ที่พ่อแปลงเดียวหากถูกยึดก็ไม่รู้จะไปอาศัยที่ไหนแล้ว

ด้าน นางสุรีพร ศรีทอง ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือ กล่าวว่า ตอนนี้รอว่าทางอำเภอจะนัดบุคคลที่ 3 มาคุยเจรจาไกล่เกลี่ยที่ดิน เพื่อให้ได้ราคาที่ครอบครัวมีกำลังส่งเงินไหว  เนื่องจากครอบครัว 11 ชีวิต อยู่อาศัยในที่ดินนี้ เป็นมรดกชิ้นเดียวชิ้นสุดท้าย หากต้องออกจากที่ดิน ก็ไม่รู้จะไปไหน กำลังรอวันนัดเจรจา สำหรับที่ดินทางบุคคลที่ 3 จะขายคืนในราคา 1,600,000 บาท โดยระหว่างนี้แจ้งให้จ่ายค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท แต่ได้ต่อรองเหลือเดือนละ 3,000 บาท

ซึ่งกำหนดจ่ายเงินเดือนแรกจะครบในวันที่ 10 มิถุนายน 63 นี้ ทางบ้านยังไม่มีเงินพอจ่ายให้ เพราะตนมีอาชีพค้าขาย จากเดิมก่อนโควิด-19 ระบาด มีรายได้ในการขายวันละพันบาท แต่พอมาเจอวิกฤตโควิด-19 ระบาด  ประกอบกับนักเรียนปิดเทอม ทำให้รายได้ลดลง ขายของได้เพียงวันละ 400-500 บาท  บางวันขายได้ร้อยกว่าบาทก็มี ลำพังรายจ่ายชีวิตประจำวันแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว  แต่ก็จะพยายามหาเงินเพื่อจ่ายให้ครบ เพราะไม่ต้องการให้ครอบครัวเดือดร้อนไปมากกว่านี้ 

ส่วนเรื่องการถวายฏีกา เป็นเรื่องที่ทางบ้านพี่ชายซึ่งเป็นผู้พิการ  มีหลายหน่วยงานช่วยกันปลูกสร้าง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชมมายุ 5 รอบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558 น่าจะเป็นผู้เดือดร้อนมากที่สุดกับเรื่องนี้ ฐานะยากจนและหากไม่อยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีที่ไปเลย เตรียมถวายฏีกาพึ่งพระบารมี ในหลวงรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ให้ช่วยเหลือให้ บุคคลที่ 3 ขายที่ดินคืนในราคาใกล้เคียงกับราคาที่ประมูลจากบังคับคดีไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี  สำรวจที่ดินไปหมดแล้ว พร้อมกับนำบัญชีเงินที่เหลือ จากผู้ที่ชนะการประมูลทรัพย์ จำนวนเงิน 530,000 บาท และหักส่วนที่ค้างชำระค่าโทรศัพท์มือถือมาแจ้ง ให้ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์ไป แต่ทั้ง 3 ครอบครัวซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันได้รับทราบ และให้เซ็นชื่อรับเงินที่เหลือ แต่ยังไม่มีผู้ใดกล้าเซ็นรับเงิน หวั่นเกรงว่าหากเซ็นรับเงินส่วนที่เหลือแล้ว ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป

สำหรับยอดเงิน ที่กรมบังคับคดีระบุ คือ พ่อของนางสุรีพร ศรีทอง และ พี่ชายของนางสุรีพร รับยอดเงินคืน 176,000 บาทเศษ ส่วนยอดเงินของนางสุรีพร เหลือ 120,000 บาทเศษ เนื่องจากหักค่าค้างชำระโทรศัพท์มือ  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี ได้ทำบัญชีเรียบร้อยพร้อมติดประกาศไว้แล้วให้ไปรับในวันที่  22 มิ.ย. ทางครอบครัวไม่ขอรับ แค่ขอได้บ้านคืน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook