ศาลรัฐธรรมนูญฟัน "ระวี รุ่งเรือง" หลุด ส.ว. เหตุเคยถูกไล่พ้นราชการ-ประพฤติชั่วร้ายแรง
วันนี้ (10 มิ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของ นายระวี รุ่งเรือง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตนายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทยและเลขานุการคณะกรรมการศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 (ข) จากกรณีมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98 (8) และมาตรา 82 วรรคสี่ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังปรากฏหลักฐานว่า ก่อนนายระวีได้รับการสรรหา และแต่งตั้งเป็น ส.ว. เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามคำสั่งกรมการปกครอง ที่ 689/2539 ลงวันที่ 15 ส.ค. 2539
เนื่องจากขณะเป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง 3 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน ถือเป็นพฤติกรรมในทางทุจริต และศาลปกครองสูงสุด เคยมีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ.778/2558 ว่า การเรียกและรับเงินจากผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับราชการเพื่อเป็นค่าวิ่งเต้นให้ได้เข้ารับราชการนั้น เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และความร้ายแรงอยู่ที่ระดับเดียวกับกรณีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ นายระวี จึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ว.
แม้ในเวลาต่อมา นายระวี จะได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 และ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2550 ก็มีความหมายเพียงว่า นายระวี ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ความประพฤติหรือการกระทำของผู้ถูกร้องที่เป็นเหตุให้ถูกลงโทษทางวินัยถูกลบล้างไปด้วยแต่อย่างใด ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539 ซึ่งได้วางหลักไว้ในกรณีนี้ จึงถือว่ามีเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ว. ของนายระวี สิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม นายระวี กล่าวหลังรับฟังคำวินิจฉัยว่า ยอมรับและเคารพคำวินิจฉัยที่ออกมา แต่ก็ยังมีประเด็นคาใจว่า ตนเคยถูกลงโทษทางวินัยครั้งแรกลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้นในปี 2536 ต่อมาปี 2539 เดือน มิ.ย. มี พ.ร.บ.ล้างมลทิน ออกมา แต่อนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของกรมการปกครอง กระทรวงไทย กลับมีมติในเดือน ส.ค. 2539 ให้เพิ่มโทษตนเป็นไล่ออกจากราชการ ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 กำหนดห้ามมีการเพิ่มโทษบุคคลที่ได้รับโทษทางวินัยไปบางส่วนแล้ว ตนจึงเห็นว่าเมื่อ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 มีการกำหนดห้ามเพิ่มโทษแล้ว ตนก็ต้องไม่เป็นผู้ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงเรื่องนี้ในคำชี้แจงที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไปก่อนหน้านี้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่ได้พิจารณาก็ไม่เป็นไร พร้อมเคารพ
สำหรับ ส.ว. ที่จะเลื่อนลำดับขึ้นมาแทน คือ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา