ยอดตายโควิด-19 ใน “บราซิล” แซง “อังกฤษ” ขึ้นอันดับ 2 ของโลกแล้ว 

ยอดตายโควิด-19 ใน “บราซิล” แซง “อังกฤษ” ขึ้นอันดับ 2 ของโลกแล้ว 

ยอดตายโควิด-19 ใน “บราซิล” แซง “อังกฤษ” ขึ้นอันดับ 2 ของโลกแล้ว 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (13 มิ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขบราซิลรายงาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,982 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 828,810 และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 909 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 41,828 คน สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ทั้งสองกรณี

นายแพทย์ไรอัน เปิดเผย ชัดเจนว่าเมืองต่างๆที่มีพลเมืองหนาแน่นคือจุดร้อนของบราซิล แต่ระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศยังรับมือไหวกับจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

"ระบบสาธารณสุขจากข้อมูลที่เราเห็น คนไข้ยังไม่ล้นโรงพยาบาล" นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกกล่าว โดยมีแค่บางพื้นที่ของบราซิลเท่านั้นที่มีผู้ป่วยในห้องไอซียูเกินกว่า 80% ของความจุตามโรงพยาบาลต่างๆ"

"ข้อมูลที่เรามี ณ เวลานี้ ส่งเสริมมุมมองว่าระบบสาธารณสุขอยู่ภายใต้แรงกดดัน แต่ระบบยังคงรับมือกับจำนวนเคสผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงได้" ไรอันระบุ

กระทรวงสาธารณสุขบราซิลรายงานมีผู้เสียชีวิตรายวันเกินกว่า 1,200 คน ตั้งแต่วันอังคาร(9มิ.ย.) ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เคลื่อนไหวผ่อนคลายมาตรการกักกันโรคและกลับมาเปิดธุรกิจ ตามเสียงเรียกร้องของประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู

ผู้นำฝ่ายขวารายนี้พยายามกลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยบอกว่ามันเป็นเพียงแค่ไข้หวัดเท่านั้น พร้อมกล่าวหารัฐบาลของรัฐต่างๆโหมกระพือตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงเกินจริง เพื่อบ่อนทำลายเขา

ในคืนวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) โบลโซนารู ยุผู้สนับสนุนของเขา ให้หาทางเข้าไปยังภายในโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อถ่ายภาพว่าเตียงนอนในห้องไอซียูเต็มหรือไม่ แล้วส่งมอบภาพถ่ายเหล่านั้นให้ตำรวจหรือหน่วยข่าวกรองของบราซิล เพื่อจะได้ทำการสืบสวน

แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันยังคงสูงลิ่ว แต่พบเห็นบรรดานักชอปปิ้งบราซิลไหลบ่าพากันไปต่อแถวยาวเหยียดนานหลายชั่วโมง และรอคิวเข้าไปในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ใน 2 เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้แก่ เซาเปาลู และรีโอเดจาเนโร ที่กลับมาเปิดบริการอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) ต่อเนื่องจนถึงวันศุกร์(12เม.ย.) ทั้งที่ทั้ง 2 เมืองเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด โดยรวมกันแล้วมีตัวเลขผู้เสียชีวิตคิดเป็น 42% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในห้าง พบเห็นผู้คนปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการเว้นระยะห่างทางสังคม และนักชอปปิ้งทั้งหมดสวมหน้ากากป้องกันโรค รวมถึงมีการวัดอุณหภูมิ ก่อนอนุญาตให้เข้าไปภายในห้างได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook