หน้ากากแฟชั่นวิบวับของนักออกแบบเชื้อสายอินโดฯ ขายดีที่อเมริกาจนผลิตไม่ทัน

หน้ากากแฟชั่นวิบวับของนักออกแบบเชื้อสายอินโดฯ ขายดีที่อเมริกาจนผลิตไม่ทัน

หน้ากากแฟชั่นวิบวับของนักออกแบบเชื้อสายอินโดฯ ขายดีที่อเมริกาจนผลิตไม่ทัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณฟีเรน โซพาติ นักออกแบบแฟชั่นเชื้อสายอินโดนีเซียในนครลอสแองเจลีส ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าหน้ากากแฟชั่นของเธอจะได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในวงการออกแบบแฟชั่นมานานแล้วก็ตาม

เพราะหน้ากากที่ทำด้วยผ้าลูกไม้และประดับประดาด้วยแผ่นโลหะสีแวววาวพร้อมลูกปัดที่เธอเรียกว่า "หน้ากากสไตล์วิคตอเรียนผสมผสานกับแนวนักรบ" ได้รับความสนใจจากลูกค้าสตรีผู้ต้องการอุปกรณ์ป้องกันในยุคโควิด-19 ที่สามารถผสมผสานอย่างกลมกลืนเข้ากับชุดแต่งกายแนวหรูได้เวลาที่ต้องออกจากบ้าน

อย่างเช่น คุณเอนด้า เรดเจกิ ออแกนไนเซอร์ด้านการแสดงและกิจกรรมการเต้นที่ Santa Monica College บอกว่า การทำงานจากบ้านทำให้เธอรู้สึกค่อนข้างเครียด แต่หน้ากากแฟชั่นดังกล่าวเข้าได้ดีกับสีอายแชโดว์และช่วยให้เธอรู้สึกสดใสขึ้น และว่า เมื่อใดที่กิจกรรมทางสังคมสามารถกลับมาทำได้อีกครั้ง เธอได้เตรียมชุดสวย ๆ ซึ่งรับกับหน้ากากเพื่อเตรียมใส่ออกงานพร้อมอยู่แล้ว

ส่วนคุณเคลซีย์ แซสเซอร์ ช่างภาพสตรีวัย 25 ปี จากนครแอตแลนต้า ผู้ต้องทำงานจากบ้านเช่นกัน ยอมรับว่า เธอมีหน้ากากแฟชั่นจากฟีเรนคอลเลคชั่นนี้อย่างน้อยสามชิ้น และจะใช้หน้ากากที่มีเครื่องประดับแนววิบวับแวววาวนี้ในสถานที่ที่กำหนดว่าต้องสวมหน้ากาก และในฐานะที่เป็นอุปกรณ์ประกอบหากเธอต้องถูกถ่ายรูปด้วย

โดยคุณแซสเซอร์ให้เหตุผลว่า ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างตอนนี้ รูปลักษณ์ทางร่างกายจะส่งผลต่อสภาวะด้านจิตใจ ดังนั้น การมีหน้ากากแฟชั่นสวย ๆ ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เข้ากับเครื่องแต่งกายและเมคอัพได้ ย่อมช่วยสร้างความสดใสและเพิ่มความมั่นใจในสิ่งที่เราสวมใส่เมื่อต้องออกนอกบ้านอย่างแน่นอน

ถึงแม้หน้ากากแฟชั่นของคุณฟีเรน โซพาติ นักออกแบบสาววัย 35 ปีเชื้อสายอินโดนีเซียผู้นี้ จะไม่ถูกคือมีราคาตั้งแต่ 20 ถึง 149 ดอลลาร์ หรือประมาณ 600 ถึง 4,600 บาทก็ตาม แต่เธอก็บอกว่าเธอทำแทบไม่ทันตามที่ลูกค้าต้องการเลยทีเดียว เพราะหน้ากากแต่ละชิ้นมีความเฉพาะตัว เนื่องจากต้องตกแต่งเครื่องประดับต่างๆ ด้วยมือที่ใช้เวลาราว 3 ถึง 5 ชั่วโมงต่อชิ้น ดังนั้นเธอจึงทำหน้ากากได้เพียงอาทิตย์ละ 8 ถึง 9 ชิ้นเท่านั้นเอง

แต่อย่างน้อยเธอก็มีความสุขจากการได้ทำหน้ากากแฟชั่นที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้รู้สึกดี และที่สำคัญที่สุด เธอยังบริจาคเงินกำไรส่วนหนึ่งจากการขายเพื่อช่วยเหลือชุมชนในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตครั้งนี้ไปพร้อมกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook