หมอโต้ คดีฆ่า ไมเคิลแจ๊กสัน
เมื่อ 25 ส.ค. เอพีรายงานว่า นายเอ็ด เชอร์นอฟ ทนายความประจำตัว น.พ.คอนราด เมอร์เรย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจที่ตกเป็นเป้าในคดีไมเคิล แจ๊กสัน ราชาเพลงป๊อปเสียชีวิต แถลงโจมตีทีมสอบสวนของตำรวจนครลอสแองเจลิส ว่าบิดเบือนคำให้การของหมอเมอร์เรย์ หลังตำรวจเปิดเผยเนื้อหาคำให้การที่ตอนหนึ่งระบุว่า หมอเมอร์เรย์ทิ้งให้แจ๊กสันอยู่ตามลำพัง จนเมื่อเดินกลับเข้ามาดู ถึงได้เห็นว่า หยุดหายใจไปเมื่อเวลา 11 โมงเช้าของวันที่ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันเสียชีวิต
นายเชอร์นอฟกล่าวว่า เอกสารการสืบสวนของตำรวจนั้น บันทึกคำให้การส่วนใหญ่เป็นไปตาม "ทฤษฎีของตำรวจ" เพื่อทำให้ลูกความของตนดูเป็นต้นเหตุการตาย
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเขตลอสแองเจลิส สหรัฐ สรุปสาเหตุการตายของแจ๊กสัน ว่า เป็นฆาตกรรม จากการผสมปนเปของตัวยาหลายขนาน ซึ่งการสรุปผลดังกล่าวเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาหมอเมอร์เรย์ แพทย์ที่อยู่กับนักร้องคนดังในช่วงเสียชีวิต โดยผลการตรวจสอบสารในร่างกายของแจ๊กสัน พบว่า มียาโพรโพฟอล ที่มีฤทธิ์ระงับความรู้สึก ทำให้ชาอย่างรุนแรง ผสมกับยาระงับประสาทอีก 2 ตัว
จากเอกสารการรักษา หมอเมอร์เรย์ให้ยาโพรโพฟอลขนาด 50 มิลลิกรัม กับแจ๊กสันอยู่ 6 สัปดาห์ เพื่อบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ต่อมาลดลงเหลือขนาด 25 มิลลิกรัม เพราะเกรงว่าแจ๊กสันจะติดยาตัวนี้ โดยใช้วิธีไปจ่ายยาอีก 2 ชนิดทดแทนเข้ามา กระทั่ง 2 วันก่อนแจ๊กสันเสียชีวิตในวันที่ 25 มิ.ย. หมอเมอร์เรย์ให้การว่า ตัดยาโพรโพฟอลออกไป เหลือแต่ตัวยาอีก 2 ชนิดที่แทนเข้ามา จนถึงวันเกิดเหตุ หมอทยอยฉีดยา 2 ตัวเดิมในเวลา ตี 2 ตามด้วยตี 3 แล้วให้ซ้ำอีกเวลา ตี 5 และ 7 โมงเช้า แต่แจ๊กสันนอนไม่หลับ และขอยาโพรโพฟอลที่แจ๊กสันเรียกว่า "นม" หมอจึงให้ขนาด 25 มิลลิกรัม ทำให้แจ๊กสันหลับได้ หมอเฝ้าอยู่ 10 นาที และออกไปเข้าห้องน้ำ 2 นาที กลับมาจึงพบว่า แจ๊กสันไม่หายใจแล้ว