"บิณฑ์" โร่แจ้งความ หลังถูกปลอมเฟซบุ๊คไปหลอกเรียกรับเงินชาวบ้าน

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ แจ้งความมีบุคคลนำภาพไปใช้เปิดเพจและเฟซบุ๊ค หวั่นนำไปกระทำความผิด

วานนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. นายบิณฑ์  บรรลือฤทธิ์ อายุ 58 ปี นักแสดงชื่อดังและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เดินทางมาที่ สภ.คลองหลวง เพื่อเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยศวัฒน์  นิติพัฒนคุณ สว.สอบสวนสภ.คลองหลวง หลังถูกผู้ไม่ประสงค์ดีซึ่งยังไม่ทราบว่าผู้ใด นำภาพของตนเองและ เอกพันธ์ หรือไทด์ บรรลือฤทธิ์ ไปเปิดเพจกลุ่มสาธารณะและเฟซบุ๊คชื่อ "บิณฑ์  บรรลือฤทธิ์" ซึ่งมีสมาชิก 344,687 คน และเฟซบุ๊คกลุ่มชื่อ "บิณฑ์  บรรลือฤทธิ์" ซึ่งมีสมาชิก 53,620 คน  ซึ่งทั้งสองเฟซบุ๊คไม่ใช่ของตนเอง เป็นการปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ และเป็นการใช้ภาพของตนเองโดยผิดกฏหมาย และอาจจะทำให้มีการนำเพจดังกล่าวไปใช้ในกระทำความผิดจึงต้องเดินทางมาแจ้งความ

ทั้งนี้ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เปิดเผยว่า "ตนเองอยากจะฝากสื่อถึงผู้ที่กระทำหรือนำภาพตนเองไปเปิดเพจและกลุ่มเฟซบุ๊คนั้น เป็นการกระทำที่แย่มากสิ่งที่ตนเองทำเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรแอบแฝงผลประโยชน์  แต่สิ่งที่ผู้สร้างเพจเฟซบุ๊คกลุ่มนั้น เป็นการกระทำที่แอบแฝงในสิ่งที่อยากจะได้ไม่คิดทำมาหากิน โดยการใช้ใบหน้าตนเองมากระทำการโดยไม่ดี เพราะฉะนั้นขอให้เลิกทำและมารับผิดชอบทางกฏหมายด้วย"

"และในวันนี้ที่ต้องมาแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง เพราะวันนี้ตนเองไปซื้อผลไม้ที่ตลาดไท เพื่อจะนำไปเลี้ยงลิงที่ จ.ลพบุรี ขณะนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มาดูปรากฏว่า พบกลุ่มเฟซบุ๊คเด้งขึ้นมาว่า "บิณฑ์  บรรลือฤทธิ์" และมีการโพสต์ข้อความว่า ใครอยากได้เงิน 2,000 บาทให้ส่งเลขที่บัญชีมา ตนเองจึงรีบให้ลูกน้องเช็คก็พบว่าเป็นเพจปลอมที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงาน"

"ซึ่งลูกน้องยังบอกว่าเห็นเฟซบุ๊คเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงที่ตนเองเดินทางไปช่วยน้ำท่วมแล้วแต่ไม่ได้เอะใจอะไร และมาทราบว่ามีการนำเฟซบุ๊คเหล่านี้ไปหลอกพระหลอกคนขอค่าดำเนินการเพื่อที่จะนำเงินไปมอบให้ตามที่เคยปรากฏตามข่าว เมื่อหลอกคนได้ผู้สร้างเพจเหล่านี้ก็จะปิดเพจนั้นไปและมาสร้างเพจใหม่"

 พ.ต.ท.ยศวัฒน์  นิติพัฒนคุณ สว.สอบสวนสภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งจะได้มีการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบว่าเพจนั้นเป็นของใคร เพื่อเรียกตัวมาทำการสอบปากคำทั้งนี้การใช้ภาพคนอื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นความผิดอยู่แล้ว