UN เตือน วิกฤติ “โควิด-19” จะทำให้เกิด “แรงงานเด็ก” หลายล้านอัตรา

องค์การสหประชาชาติ (UN) เตือน “แรงงานเด็ก” อาจเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลให้การทำงานเพื่อหยุดยั้งปัญหาดังกล่าวเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษไร้ผล ทั้งนี้ เด็กที่ถูกบังคับให้ทำงานก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 อาจต้องเผชิญกับเวลาการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เลวร้ายมากกว่าเดิม ขณะที่เด็กอีกหลายคน อาจถูกครอบครัวบังคับให้ทำงาน เนื่องจากสภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว

ในปัจจุบันนี้ จำนวนแรงงานเด็กทั่วโลกอยู่ที่ 152 ล้านคน ซึ่งลดลงจากปี 2000 ซึ่งมีแรงงานเด็กกว่า 246 ล้านคน แต่การเกิดโรคระบาดใหญ่ในปีนี้ อาจส่งผลให้แรงงานเด็กเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาต่อไปอีก 20 ปี

“การระบาดของโรคส่งผลต่อรายได้ของครอบครัว หากพวกเขาไม่ได้รับการดูแล เด็กหลายคนก็อาจจะต้องเข้าสู่การเป็นแรงงาน” Guy Ryder ผู้อำนวยการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าว

กว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของเด็กทั่วโลก หรือมากกว่า 152 ล้านคน คือแรงงานเด็ก และเด็กกว่าครึ่งหนึ่ง ต้องทำงานที่อันตราย เช่น งานก่อสร้าง งานเกษตรกรรม งานทำเหมือง เป็นต้น โดยเด็กมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทำงานภาคเกษตรกรรม รวมไปถึงการประมง การป่าไม้ และการปศุสัตว์  ขณะที่อีก 17 เปอร์เซ็นต์ ทำงานในภาคการให้บริการ และ 12 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในภาคอุตสาหรรม เช่น การทำเหมือง

เด็กผู้ชายที่เข้ามาเป็นแรงงาน มีมากกว่า 58 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวไม่สามารถนับรวมการทำงานของเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้รับการลงทะเบียน และงานภายในบ้านที่ไม่ถูกรวมว่าเป็นการทำงาน โดยในทวีปแอฟริกา มีแรงงานเด็กมากถึง 72.1 ล้านคน ทวีปเอเชีย-แปซิฟิก มีแรงงานเด็กอยู่ 62.1 ล้านคน ขณะที่ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเชียกลาง และแถบอาหรับ มีแรงงานเด็กจำนวน 10.7 ล้านคน, 5.5 ล้านคน และ 1.2 ล้านคน ตามลำดับ

ทั้งนี้ แรงงานเด็กจะมีมากกว่า 77 เปอร์เซ็นต์ในประเทศที่เกิดความขัดแย้งภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม องค์การสหประชาชาติมีเป้าหมายที่จะหยุดยั้งแรงงานเด็กทุกรูปแบบให้หมดไปภายในปี 2025