อธิบดีอัยการย้ำชัด "พระพยอม" ต้องได้เงิน 10 ล้านค่าซื้อที่ดินวัดสวนแก้วคืน

อธิบดีอัยการย้ำชัด "พระพยอม" ต้องได้เงิน 10 ล้านค่าซื้อที่ดินวัดสวนแก้วคืน

อธิบดีอัยการย้ำชัด "พระพยอม" ต้องได้เงิน 10 ล้านค่าซื้อที่ดินวัดสวนแก้วคืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อธิบดีอัยการย้ำชัด "พระพยอม" ต้องได้เงิน 10 ล้านค่าซื้อที่ดินวัดสวนแก้วคืน เพราะซื้อมาอย่างถูกต้องโปร่งใส

(17 มิ.ย.63) เมื่อเวลา 14.30 น.  ที่ลานวัดสวนแก้ว หมู่ 1 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานศาลอาญาธนบุรี ว่าที่ พ.ต.ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง ผู้ทรงคุณวุฒิแห่งเนติบัญฑิตสภา และคณะศิษย์พระพยอม ร่วมแถลงข่าวกรณีข้อพิพาทที่ดิน 555 ตารางวา (1 ไร่ 1 งาน 55 ตรว) หรือโฉนดถุงกล้วยแขก ซึ่งเป็นที่ดินเชื่อมต่อกับวัดสวนแก้ว

โดยพระพยอม กัลยาโณ ซื้อมาจาก นางวัทนา สุขสำเริง ผู้ครอบครองปรปักษ์ในขณะนั้น เป็นเงินราคา 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.47 กระทั่ง นายถนอม (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ทายาทเจ้าของที่ตัวจริงได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 26 พ.ค.49 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1 ,เพิกถอนนิติกรรมจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 7 ส.ค.51 จากนั้นวันที่ 25 ต.ค.62 ได้ยื่นเรื่องขอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สิน บริวารออกจากที่ดิน     

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานศาลอาญาธนบุรี กล่าวว่า มีตั้งใจที่จะเข้ามาดูคดีนี้เพื่อช่วยเหลือวัดช่วยเหลือหลวงพ่อให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบลายละเอียดในตอนนี้พบว่า ทางเจ้าของที่ดินคนปัจจุบันยังไม่ได้ฟ้องขับไล่ทางวัด ทางวัดจึงสามารถใช้สิทธิยึดโยงอยู่ในพื้นที่ต่อไปได้ และหากทางเจ้าของที่ดินจะฟ้องขับไล่มา ทางวัดก็ยังมีสิทธิในการทวงถามขอเงิน 10 ล้านคืน

อ.ปรเมศวร์ กล่าวว่า กฏหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ความคุ้มครองกับผู้ซื้อขายโดยสุจริตในท้องตลาด ที่ดินผืนนี้หลวงพ่อก็ซื้อมาอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่ได้แอบไปซื้อมา หากกฏหมายไม่คุ้มครองคนที่ซื้อขายโดยโปร่งใสแล้ว อีกหน่อยการซื้อขายที่ดินที่เป็นปรปักษ์ในประเทศนี้จะหยุดชะงักลง

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนได้เชิญทางอัยการจังหวัดนนทบุรีร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดด้วย ซึ่งคงต้องขอเวลาดูรายละเอียดของข้อพิพาทอีกสักพักก็น่าจะหาแนวทางให้ความช่วยเหลือกับทางวัดต่อไปได้  แต่หนทางที่ดีที่สุดก็คือ การประนีประนอมกัน เพราะทราบมาว่า เจ้าของที่ดินจะขายที่ดินดังกล่าวในราคา 80 ล้านบาท ซึ่งหากขายได้ในราคานั้นทางเจ้าของที่ดินก็นำเงิน 10 ล้านบาท มาคืนให้กับทางวัดโดยไม่คิดดอกเบี้ย ก็จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับทั้งสองฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามตนเชื่อมั่นในกระบวนการความยุติธรรม ว่า หลวงพ่อจะต้องได้เงิน 10 ล้านบาทที่จ่ายซื้อที่ดินผืนนี้ไปกลับคืนมาอย่างแน่นอน

พระพยอม กล่าวว่า ตนได้รับกำลังใจจากผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพที่ทราบข่าวอย่างล้นหลามมาวันนี้มี อ.ปรเมศวร์ ยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือในแนวทางของการต่อสู้คดีอีกก็ยิ่งมีกำลังใจเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าหลังจากนี้ คดีจะออกมาในรูปแบบไหน ไม่ว่าทางวัดจะชนะได้เงินคืน หรือเจ้าของปัจจุบันชนะแล้วได้ที่ไป ก็ขออย่าให้เกิดความอาฆาตมาดร้ายต่อกัน ขอให้สิ้นสุดกันลงไปใจจะได้ไม่เป็นทุกข์ต่อกัน ส่วนแนวทางของอาตมานั้นหากทางเจ้าของที่ดินคนปัจจุบันต้องการเงินค่าที่เพิ่ม เติมเพื่อทางวัดก็พร้อมจะจ่ายให้อีก 3 ล้านบาทเท่ากับราคาที่เคยบอกขายกันในครั้งแรก เพื่อให้คดีนี้ยุติลงและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook