เศรษฐกิจล่มจาก “โควิด-19” ทำเด็กผู้หญิงเสี่ยงถูก “ขริบอวัยวะเพศ” หลายล้านคน

เศรษฐกิจล่มจาก “โควิด-19” ทำเด็กผู้หญิงเสี่ยงถูก “ขริบอวัยวะเพศ” หลายล้านคน

เศรษฐกิจล่มจาก “โควิด-19” ทำเด็กผู้หญิงเสี่ยงถูก “ขริบอวัยวะเพศ” หลายล้านคน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักกิจกรรมระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์และวิกฤตเศรษฐกิจจาก “โควิด-19” ส่งผลโดยตรงให้เด็กผู้หญิงต้องออกจากโรงเรียนและเสี่ยงต่อการถูกขริบอวัยวะเพศมากขึ้นถึง 2 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากหลายครอบครัวจะใช้โอกาสที่เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนจัดการกับชะตาชีวิตของลูกสาว โดยการขริบอวัยวะเพศและแต่งงานออกจากบ้านไป

แม้ว่าองค์การสหประชาชาติจะมีแผนยุติการขริบอวัยวะเพศหญิงภายในปี 2030 แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากยังมีการปฏิบัติเช่นนี้อยู่ในหลายพื้นที่ของทวีปแอฟริกา โดยดอมทิลา เชแซง นักรณรงค์ต่อต้านการขริบอวัยวะเพศหญิง ระบุว่า ในเคนยา เด็กผู้หญิงจะต้องถูกพ่อแม่ขริบอวัยวะเพศ เพราะมองว่าเป็นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับครอบครัวในสถานการณ์โรคระบาดใหญ่

แม้ว่าการขริบอวัยวะเพศหญิงจะถือว่าผิดกฎหมายของเคนยาตั้งแต่ปี 2011 แต่ 1 ใน 5 ของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในเคนยา อายุตั้งแต่ 15 – 49 ปี เคยถูกขริบอวัยวะเพศ และก่อนที่จะเกิดโรคระบาด ก็มีการรณรงค์ให้ยกเลิกวิธีการนี้ และได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเชแซงเชื่อว่า มีเด็กผู้หญิงราว 500 คน ถูกขริบอวัยวะเพศตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน

“การเข้าเรียนในโรงเรียนเป็นสาเหตุหลักที่ช่วยให้เด็กผู้หญิงไม่ต้องถูกขริบอวัยวะเพศ เด็กๆ จะปลอดภัยเมื่ออยู่ในโรงเรียน แต่เมื่อโรงเรียนปิด ก็ไม่มีทางเลือก ชีวิตของพวกเธอก็ต้องขึ้นอยู่กับความเมตตาของพ่อแม่และชุมชน” เชแซงกล่าว

นอกจากนี้ นักรณรงค์ผู้นี้ยังกล่าวว่า การขริบอวัยวะเพศกับโรคโควิด-19 นั้น มีความเชื่อมโยงกันโดยตรง เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์นั้นไม่เหมือนกับ “วันหยุด” ที่มีกำหนดสิ้นสุดตายตัว แต่ในสถานการณ์โรคระบาดนี้กลับไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสับสน ครอบครัวหนึ่งถึงกับขุดศพของลูกสาวขึ้นมา เพื่อทำการขริบ เพราะเชื่อว่าจะเป็นการปัดเป่าความยากจนและหายนะ

“คนที่นี่เชื่อว่าเด็กๆ ไม่มีหวังที่จะกลับไปโรงเรียนแล้ว จึงจับเด็กผู้หญิงมาขริบอวัยวะเพศด้วยเหตุผลเรื่องความเกียจคร้าน มันเป็นพิธีการพิสูจน์ตัวเอง และเป็นต้นเหตุของการแต่งงานในเด็ก เพราะทันทีที่เด็กผู้หญิงถึงวัยอันควร พวกเธอก็จะต้องถูกจับแต่งงานออกไป” เชแซงกล่าว

ประเทศโซมาเลียก็เป็นอีกประเทศที่มีอัตราการขริบอวัยวะเพศหญิงสูงที่สุด โดยราว 98% ของผู้หญิงทั้งหมดเคยผ่านกระบวนการนี้ ขณะที่กองทุนสหประชาชาติเพื่อประชากร (UNFPA) คาดการณ์ว่า ปีนี้มีเด็กผู้หญิง 290,000 ในโซมาเลีย ถูกขริบอวัยวะเพศ และต้องทนทุกข์ทรมานจากกระบวนการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเอาอวัยวะเพศภายนอกออก หรือเย็บปิดช่องคลอด ให้เหลือเพียงช่องทางเล็กๆ สำหรับให้เลือดประจำเดือนไหลผ่าน การขริบจะทำโดยหมอตำแยที่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรม หรือทำโดยแพทย์แผนโบราณที่ใช้เพียงมีด ใบมีดโกน หรือเศษกระจกแตก

อิฟราห์ อาห์เหม็ด นักรณรงค์ชาวโซมาเลีย ผู้รอดชีวิตจากการถูกขริบอวัยวะเพศ กล่าวว่า กระบวนการนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเด็กผู้หญิงไม่ได้ไปโรงเรียน และแม่ของพวกเธอรู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องทำแล้ว

“เรารู้ว่านี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้แต่ในโมกาดิชู โรงพยาบาลเอกชนต้องปิดทำการเนื่องจากโรคโควิด-19 ดังนั้น ผู้ป่วยต้องไปที่โรงพยาบาลที่เปิดอยู่เท่านั้น หากเด็กผู้หญิงถูกขริบและเลือดไม่หยุดไหล ครอบครัวก็ไม่กล้าพาไปโรงพยาบาล เพราะกลัวจะติดเชื้อโควิด-19

นอกจากนี้ อาห์เหม็ดยังเล่าว่า การขริบอวัยวะเพศหญิงยังเป็น “ประสบการณ์ทางสังคม” ของครอบครัวในช่วงล็อกดาวน์ และนั่นยังทำให้จำนวนของเด็กผู้หญิงที่จะถูกขริบเพิ่มมากขึ้น

“มันเหมือนกับว่า คุณบอกเพื่อนบ้านว่า ‘พรุ่งนี้หมอจะมาผ่าตัดลูกฉัน’ แล้วเพื่อนบ้านก็บอกว่า ‘ดีจัง ฉันมีลูกสาว 3 คน เดี๋ยวพาไปผ่าตัดด้วย’ มารู้อีกทีก็มีเด็กผู้หญิง 9 คน ที่ต้องถูกขริบ แทนที่จะเป็นคนเดียว” อาห์เหม็ดเล่า

แม้ว่าการขริบอวัยวะเพศในโซมาเลียจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่แรงกดดันจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มศาสนา ก็ทำให้ผู้รักษากฎหมายไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำได้ แม้ว่าอาห์เหม็ดจะพยายามขับเคลื่อนกฎหมายยกเลิกการขริบอวัยวะเพศหญิงตั้งแต่ปี 2014 แต่ก็ต้องเผชิญกับความตึงเครียดของสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งอาจจะทำให้การพิจารณากฎหมายฉบับนี้ต้องถูกเลื่อนออกไป

ประเทศอียิปต์เองก็มีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงถูกขริบอวัยวะเพศเป็นจำนวนมากที่สุดในโลกเช่นกัน แม้ว่ากระบวนการนี้จะถือว่าผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2008 และกลายเป็นอาชญากรรมในปี 2016 แต่หลายครอบครัวก็ยังบังคับให้ลูกสาวพิสูจน์ตนเองด้วยวิธีนี้ ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ว่า 87.2% ของผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 15 – 49 ปี หรือมากกว่า 27 ล้านคน ถูกขริบอวัยวะเพศ

นอกจากนี้ ขณะที่รัฐกำลังรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ก็เปิดโอกาสให้มีการขริบอวัยวะเพศหญิง และความรุนแรงอันเกิดจากเพศอื่นๆ เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้

เรเอม อับเดลลาติฟ นักกิจกรรมต่อต้านการขริบอวัยวะเพศหญิง และสื่อมวลชนเชื้อสายอียิปต์-อเมริกัน กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 มีความรุนแรงต่อผู้หญิงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการขริบอวัยวะเพศ หรือความรุนแรงในครอบครัว และหลายคนก็ต้องเผชิญกับความยากจนและความวิตกกังวลอย่างมาก

เช่นเดียวกับในเคนยาและโซมาเลีย พ่อแม่หลายคนในอียิปต์นิยมให้ลูกสาวระงับ “ความสำส่อนทางเพศ” และสร้างความมั่นคงทางการเงินและทางสังคมผ่านการแต่งงาน 

อับเดลลาติฟเล่าว่า สมัยที่เธอยังเป็นเด็ก แม่ของเธอก็ขู่หลายครั้งว่าจะให้เธอไปขริบ และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็พยายามบังคับให้เธอแต่งงาน เพื่อพยุงฐานะของครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ

“ถ้าฉันอายุ 32 ปี อาศัยอยู่ในประเทศอย่างเนเธอร์แลนด์ ยังถูกแม่ขู่เข็ญแบบนี้ ก็ลองคิดถึงภัยคุกคามที่เด็กผู้หญิงในสลัมและชนบทอียิปต์อีกหลายล้านคนต้องเจอ แถมยังไม่มีหวังที่จะหนีไปไหนด้วย” เธอกล่าว

ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ได้ที่นี่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook